กระตุ้นโอนโค้งสุดท้าย ทางสว่างธุรกิจอสังหาฯ
        นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท  เปิดเผยว่า มาตรการส่งเสริมการซื้อที่อยู่อาศัยของภาครัฐที่ออกมา ผ่านโครงการบ้านดีมีดาวน์ ที่จะช่วยผ่อนดาวน์รายละ 50,000 บาท สำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่ที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 1.2 ล้านบาท จำนวน 100,000 ราย เชื่อว่าจะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีบรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง ถือเป็นการกระตุ้นยอดโอนช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ และช่วยให้ประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
        นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ออกมาช่วงปลายปี จะช่วยกระตุ้นยอดขายช่วงที่เหลือของปีได้ต่อเนื่องถึงต้นปี 63 ได้ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% และโครงการบ้านดีมีดาวน์ จะช่วยให้ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ ผ่านพ้นช่วงจุดต่ำสุดไปได้
        รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า โครงการบ้านดีมีดาวน์ ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ที่กำลังจะโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยหรือกลุ่มที่มีความพร้อมทางการเงินที่กำลังตัดสินใจจะซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เพราะช่วยลดภาระการผ่อนดาวน์  50,000 บาทต่อราย ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยสามารถที่จะนำเงินมาผ่อนชำระที่อยู่อาศัยต่อไป หรือนำไปใช้จ่ายในการซื้อสินค้าตกแต่งที่อยู่อาศัย รวมถึงการนำไปใช้จ่ายเพื่อการอื่นได้ และทำให้เกิดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรงประมาณ 5,000 ล้านบาท
        นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า โครงการบ้านดีมีดาวน์ ที่ภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์รายละ 50,000 บาท ถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร้ส์และสร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะช่วยให้เกิดการระบายสต๊อกสินค้าคงเหลือ 100,000 ยูนิต ตามการใช้สิทธิเต็มจำนวน 100,000 ราย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 5-6 ล้านบาท
        "หากพิจารณาจากฐานเงินเดือนละ 100,000 บาท จะกู้ได้ 30-40% ของรายได้ หรือเดือนละ 30,000-40,000 บาท เมื่อเทียบอัตราผ่อนชำระที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว, คอนโดมิเนียม จะสามารถกู้ได้สูงสุดสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 5-6 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการทุกรายที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีอยู่ในพอร์ตเป็นส่วนใหญ่"