CPN คาดกำไรไตรมาส4 กว่า 3,000 ล้านบาท พีคสุดของปี 62 รับ ไฮซีซัน พร้อมบุ๊กกำไรพิเศษทุนญี่ปุ่นเข้าถือหุ้น "เซ็นทรัล วิลเลจ" ตั้งงบ 5 ปี 1-2 หมื่นล้านบาท ลุยซื้อกิจการ โบรกเผยเตรียมรับรายได้คอนโดฯ 1,500-1,700 ล้านบาท

    ผู้สื่อข่าว "มิติหุ้น" รายงานว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN โดย นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการให ญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส4/62 ทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านๆมา เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น พร้อมทั้งบริษัทยังเตรียมรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน.โครงการลงทุนของเซ็นทรัล วิลเลจ ให้กับ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชียฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.มิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งถือเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น

    โดย "มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชียฯ" จะเข้าถือหุ้นในโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ สัดส่วน30% มูลค่าเงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เฟสแรก ซึ่งเปิดดำเนินมากว่า 3 เดือน มีลูกค้ามาใช้บริการราว 1.7 หมื่นล้านบาท/วัน มียอดใช้จ่าย 1.2 หมื่นล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

    ทุ่มงบซื้อกิจการ 5 ปี

    นอกจากนี้ด้านแผนลงทุน CPN ตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อกิจการ หรือ M&A ในช่วง 5 ปี (63-67) ราว1-2 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจที่สนใจคือ ค้าปลีก และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ ซึ่งมีดีลในมือที่อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ดีล ซึ่งอยู่ระหว่างศึกโครงารศูนย์การค้าในประเทศเวียดนาม 1 แห่ง
    
    ไตรมาส 4 กำไรพีคสุดของปี

    ด้านบทวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า CPN  ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 4/62 ทำกำไรดีพีคสุดของปี เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมเข้ามาค่อนข้างมากในช่วงไตรมาส 4/2562 โดยเฉพาะโครงการเชียงราย เชียงใหม่ นครราชสีมา และพหลโยธิน เบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 1,500-1,700 ล้านบาท เทียบกับรับรู้เพียง 1,229 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เมื่อรวมกับรับรู้รายได้จากศูนย์เซ็นทรัลวิลเลจเต็มไตรมาสทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส4/62 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3,000 ล้านบาท

    ซึ่งจะทำให้เห็นการปรับตัว เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/61ที่มีกำไรสุทธิ 2,530 ล้านบาท และ ไตรมาส 3/62 ที่มีกำไรสุทธิ 2,816.28 ล้านบาท ส่วนปี 63 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จะอยู่ที่ 38,619 ลบ. เพิ่มขึ้น 7% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคา เป้าหมายที่ 83 บาท/หุ้น