อสังหาฯหั่นราคา10-15%โละสต็อกคอนโดแสนยูนิต
Loading

อสังหาฯหั่นราคา10-15%โละสต็อกคอนโดแสนยูนิต

วันที่ : 17 กุมภาพันธ์ 2563
จากข้อมูล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ออกมาประมาณการ "อุปทาน เหลือขายที่อยู่อาศัย" พื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2562 ว่า มีจำนวนรวม 154,367 ยูนิต และจำนวนยูนิตที่มีมากที่สุด
          จากข้อมูล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ออกมาประมาณการ "อุปทาน เหลือขายที่อยู่อาศัย" พื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2562 ว่า มีจำนวนรวม 154,367 ยูนิต และจำนวนยูนิตที่มีมากที่สุด  หนีไม่พ้น คอนโดมิเนียม มีจำนวน 65,639 ยูนิตคิดเป็นสัดส่วน 42.5% ของตลาด สอดคล้องกับตัวเลข ของ เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ ระบุว่า มีคอนโดเหลือขายในตลาดกรุงเทพฯอยู่ 62,700 ยูนิต

          นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปี2563ซัพพลายและดีมานด์ "คงที่" จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ ดีเวลลอปเปอร์เริ่มปรับราคา ลงมา 10-15% เพื่อให้เหมาะสมกับ กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่แท้จริง (Real Demand) ที่มีความสามารถในการซื้อคอนโดในระดับราคา  3-6 ล้านบาท มากขึ้นจากเดิม เน้นกลุ่มไอเอนด์ที่มีระดับราคา 6-15 ล้านบาทขึ้นไป

          ทั้งนี้เพื่อระบายสต็อกโครงการเก่าและใหม่ที่เหลืออยู่ คาดว่า หากไม่มีซัพพลายใหม่จะใช้เวลาปีครึ่งระบายสต็อกที่เหลืออยู่หมดสะท้อนได้จากตั้งแต่ต้นปี2563 ที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์ ได้ ออกมาเปิดแผนธุรกิจต่างให้ ความสำคัญกับการ ปรับ "ลด"ราคาขายให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของเรียลดีมานด์ รวมทั้งโหม โปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ ต้นปี

          ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า กลยุทธ์หลักในปีนี้ของโนเบิลในปีนี้ คือการกำหนดราคาที่ต่ำกว่าตลาดอย่างน้อย 5-10% ในโครงการเก่าที่มีสต็อกเหลืออยู่ เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจ ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และอารมณ์ซื้อของผู้บริโภค ซึ่งหากถ้าเศรษฐกิจดีคงตั้งราคาขายที่สูงกว่านี้ได้ แต่เมื่อเศรษฐกิจยังชะลอตัวก็ต้องตั้งราคาให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

          "ปีนี้เราเน้นการขยาย เซ็กเมนต์ลงมาในราคาที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 8 หมื่น - 1.5 แสนบาท หรือมีราคาต่อยูนิต ต่ำสุดที่ 1 ล้านบาทปลายๆ เพื่อรองรับลูกค้าไทย และการขยายตลาด ต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังมีความต้องการ คอนโดในราคากว่า 2 ล้านบาท ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมือง แต่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า รวมถึงการไปลงทุนในต่างประเทศในช่วงที่เงินบาท แข็งค่า เพื่อนำโครงการมาขายให้กับคนไทยและลูกค้าต่างชาติ โดยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อโครงการในอังกฤษมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท และในปีหน้าจะขยายไปลงทุนในสหรัฐ"
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ