ORI ลั่นผู้ประกอบการ อสังหา ไม่มี "Price War" ย้ำทุกราย นำนโยบายภาครัฐ มาต่อยอด ทำโปรโมชั่นให้เหมาะสม ชี้ทุกโครงการมีเสน่ห์แตกต่างกัน เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือก เดินหน้า สรุปผลกระตุ้นส่งภาครัฐพัฒนาการกระตุ้น กูรูชี้ ORI ขยายฐานรุกธุรกิจโรงแรมเสริมรายได้ประจำหนุนกำไรสุทธิแกร่ง แนะ "ซื้อ" เป้า 10 บาท นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ยืนยัน แม้ภาวะเศรษฐกิจทั้งปี 2563 มีแนวโน้มทรงตัว แต่บรรยากาศการแข่งขันในอุตสาหกรรมไม่มีบรรยากาศการแข่งขันด้านราคา "Price War" อย่างรุนแรง เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายมีจุดแข็งของตนเอง เจาะกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน ส่วนการออกโปรโมชั่นต่างๆ นั้นเป็นกิจกรรมการตลาดที่ผู้ประกอบการแต่ละราย นำมาตรการภาครัฐ มาต่อยอดเป็นแพ็กเกจให้เหมาะสมกับสินค้าของตน

          "ไม่มีบรรยากาศการลดราคาแข่งกันให้เห็นแน่นอน เพราะปีนี้ผู้ประกอบการไม่เน้นการเปิดโครงการขนาดใหญ่ แต่จะหันไปเน้นการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าที่ตนเองมีอยู่มากกว่า ส่วนการจัดรายการต่างๆ แต่ละค่ายก็นำนโยบายภาครัฐมาต่อยอด เพื่อมุ่งเอาชนะใจลูกค้ามากกว่า เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการแต่ละรายก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน จับกลุ่มลูกค้ากันคนละกลุ่มอยู่แล้ว"

          เตรียมสรุปผลส่งทางการ

          นายพีระพงศ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเตรียมรวบรวม และทำสรุปผลจากการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งการผ่อนปรนมาตรการ LTV, โครงการบ้านดีมีดาวน์, มาตรการช่วยลดภาระค่าโอน-จด จำนอง, มาตรการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล หาแนวทางปรับแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริงให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น เพราะการที่รัฐบาลสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่ออสังหา ทรงตัวระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจที่จะกู้เงินมากขึ้น

          สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐบาล ทั้งการตัดถนนเพิ่มเติม รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทั้งโครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียม

          ORI เพิ่มรายได้ประจำ

          บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ORI ปรับกลยุทธ์รุกธุรกิจโรงแรมเสริมรายได้ประจำ (Recurring Income) โดยได้เปิดตัวโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งจะช่วยหนุน Recurring Income ทั้งปี 2563 ให้เพิ่มขึ้น 520 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิราว 30 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงแรมให้ครบ 11 แห่ง ภายในปี 2566 หนุนให้บริษัทมีห้องพักทั้งสิ้น 3,420 ห้องช่วยเพิ่ม Recurring Income ให้แตะระดับ 3,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิราว 500 ล้านบาท 2568

          นอกจากนี้บริษัทมีแผนนำโรงแรมที่เปิดในปีนี้ 2 แห่งเข้ากอง REIT ในช่วงปี 2564-2565 โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากอง REIT อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ได้ราว 1,250 ล้านบาท

          พร้อมกันนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2562 ของ ORI ที่ 886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% QoQ แต่ลดลง 9% YoY, โดยคาดการณ์รายได้รวมงวดไตรมาส 4/2562 ที่ 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% QoQ จากการโอน Knightsbridge Prime สาธร ส่งผลให้ ORI น่าจะมีกำไรสุทธิทั้งปี 2563 ที่ 3,030 ล้านบาท ลดลง 9%YoY โดยสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อชะลอตัวลง หลังมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมที่ 10 บาท