“แอลพีเอ็น” แง้มผลงานไตรมาส 1/63 ลดลงจากปีก่อน หลัง 2 เดือนแรกทำยอดขายได้แค่ 1 พันล้านบาท เตรียมเปิดขาย 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท ย้ำเป้ารายได้-ยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท เล็งเปิดใหม่ปีนี้ 9 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท

    นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2563 น่าจะชะลอตัวกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ. 2563) บริษัทมียอดขาย (Presale) แล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.-ก.พ. 2562) เป็นช่วงก่อนเริ่มบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ซึ่งเร่งการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์

    ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,400 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Lumpini Place Taopoon Interchange) มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 736 ยูนิต จะเปิดขายในวันที่ 7 มีนาคม 2563 2.โครงการ บ้านลุมพินี สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ (Baan Lumpini Town Place Sukhumvit-Srinakarin) มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 133 ยูนิต และ 3.โครงการแนวราบในทำเลพหลโยธิน-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท ประมาณกว่า 100 ยูนิต

    ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวม 10,000 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 10,040.40 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการประมาณ 9,000 ล้านบาท (มาจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 45% และโครงการแนวราบ ประมาณ 3,000 ล้านบาท คิดเป็น 25%) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้รวม

    ส่วนที่เหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท จะมาจากรายได้อื่น ๆ ทั้งค่าเช่าและรายได้จากการบริการ คิดเป็นสัดส่วน 30% ซึ่งจะเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ประมาณ 20% จากการเปิดให้บริการอาคารสำนักงานให้เช่าบนทำเลวิภาวดี และการเพิ่มขึ้นของผู้เช่าในโครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนรังสิต

    โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมกว่า 3,600 ล้านบาท แบ่งเป็น จากโครงการคอนโดมิเนียม 3,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบ 600 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2563 ทั้งหมด ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ (สต๊อก) มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น จากโครงการคอนโดมิเนียม ประมาณ 9,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบประมาณ 1,000 ล้านบาท

    สำหรับเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2563 บริษัทตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายจะเปิดขายโครงการใหม่รวม จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้วทั้งหมด