กานดาชะลอซื้อที่ดินใหม่เลือกพัฒนาลดความเสี่ยง
Loading

กานดาชะลอซื้อที่ดินใหม่เลือกพัฒนาลดความเสี่ยง

วันที่ : 7 ธันวาคม 2563
กานดา พร็อพเพอร์ตี้ เผยถึง นโยบายปี 2564 บริษัทมุ่งบริหารความเสี่ยงและรักษากระแสเงินสด เเละ ชะลอการลงทุนโครงการในบางพื้นที่
          กานดา พร็อพเพอร์ตี้ เปิดแผนปี 2564 เก็บเงินสดไม่ซื้อที่ดินใหม่ ชะลอการลงทุนโครงการในบางพื้นที่ เลือกพัฒนาแลนด์แบงก์ในมือเพื่อลดความเสี่ยง เตรียมเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท

          นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายปี 2564 บริษัทมุ่งบริหารความเสี่ยงและรักษากระแสเงินสด ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางวิกฤตที่ยากจะคาดการณ์ โดยนำที่ดินในมือมาพัฒนาก่อน จะยังไม่ซื้อที่ดินใหม่ นอกจากเจรจาได้ในราคาพิเศษทั้งนี้ บริษัทจะเน้นสร้างความแข็งแรงทางการเงินมากกว่าการเติบโตแบบก้าวกระโดด หากยังไม่มั่นใจจะไม่ลงทุน แต่เดิมบริษัทซื้อที่เก็บไว้ ปัจจุบันมีกว่า 300 ไร่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อมาพัฒนาโครงการ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เฉพาะที่ภูเก็ต มี 50 ไร่ และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อเพิ่มในทำเลที่ติดกับที่ดินที่มีอยู่ ซึ่งภูเก็ตเป็นตลาดที่บริษัทมีความชำนาญและยังมีดีมานด์ในตลาด"

          นายอิสระอีกว่า ปี2563 กานดามีแผนพัฒนาโครงการใหม่อย่างน้อย 7 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท เน้นทาวน์เฮาส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อตอบโจทย์กำลังซื้อของลูกค้า คาดมียอดขายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ปิดยอดขายราว 2,000 ล้านบาท บริษัทยังคงชะลอการลงทุนเปิดตัวโครงการในบางพื้นที่เน้นตามความเหมาะสมเหมือนปีนี้ ซึ่งหลังโควิด-19 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ทำเลรังสิตคลอง 4 ภายใต้แบรนด์ไอลีฟ ไพร์ม มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ เดือนตุลาคมนี้เปิดตัวโครงการใหม่ที่บางบ่อ 2 โครงการเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด 1 โครงการ 140 ยูนิต เป็นทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ 400 ยูนิต ซึ่งเป็นทำเลที่มั่นใจ ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2564 จะเปิดตัวโครงการใหม่ ย่านพระราม 2 จำนวน 2 โครงการ เป็นทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ 500 ยูนิต และบ้านเดี่ยว บ้านแฝด จำนวน 300 ยูนิต เนื่องจากอัตราการดูดซับยังดีอยู่มากประกอบกับการขยายโครงข่ายคมนาคมเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดตัวโครงการ นอกจากนี้ เปิดโครงการแรกที่ภูเก็ต ภายใต้แบรนด์“ไอลีฟ ไพร์ม ”มูลค่า 600 ล้านบาท จำนวน 200 ยูนิต นับเป็นโครงการที่ 4 ซึ่งพบว่ายังคงมีดีมานด์ในตลาดอยู่บ้าง แม้กลุ่มลูกค้าจะได้รับผลกระทบจากโควิด
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ