นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 กระทบภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 ทำให้มีการซื้อขายในตลาดประมาณ 3.3 แสนยูนิต ลดลงจาก 3.9 แสนยูนิต ในปี 2562 ทำให้เม็ดเงินในภาคอสังหาฯ หายไปประมาณ 3 แสนล้านบาท หรือประมาณ 20%

          ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวได้ไม่มาก โดยภาคอสังหาฯ จะฟื้นตัวในอันดับหลัง ดังนั้นทีดีอาร์ไอคาดว่ากว่าที่ภาคอสังหาฯ จะกลับสู่ภาวะก่อนโควิด-19 จะต้องใช้เวลา 3 ปี ทำให้เม็ดเงินจะหายไปทั้งหมดราว 9 แสนล้านบาท

          ซึ่งในจุดนี้ถ้าภาครัฐพยายามสนับสนุนให้มีกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาทดแทน จะเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเห็นได้ว่าแม้ไม่มีโควิด-19 แต่แนวโน้มคนไทยที่มีศักยภาพในการซื้อบ้านลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นหากภาครัฐผ่อนปรนกฎให้ต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทยได้อย่างเหมาะสม ก็จะกระตุ้นภาคอสังหาฯ ได้

          "ปี 2563 เป็นปีแรกที่จำนวนคนที่มีศักยภาพในการซื้อบ้านลดลงประมาณ 1-2% และจากนี้ไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามโครงสร้างประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น"

          ด้านนางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดี พร็อพเพอร์ตี้  กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ของไทยคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ส่วนแนวโน้มปี 2564 จะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างเข้มข้นของผู้ประกอบการที่แข่งกันลดราคา