ต่างชาติซื้อคอนโดไทยทะลุ2แสนล้าน
Loading

ต่างชาติซื้อคอนโดไทยทะลุ2แสนล้าน

วันที่ : 23 กันยายน 2565
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า หากกำลังซื้อของคนต่างชาติยังมีความสำคัญต่อการดูดซับอุปทานห้องชุดในปัจจุบันและอนาคต ผู้ประกอบการอาจต้องหากลุ่มเป้าหมายใหม่ในการขยายตลาดผู้ซื้อ ทดแทนกลุ่มผู้ซื้อสัญชาติจีนที่ยังเผชิญกับนโยบายซีโร่โควิดและภาวะอสังหาฯในประเทศตกต่ำ
          เปิดสถิติปี61 - กลางปี65จีนนำโด่ง1.1แสนล.

          ศูนย์ธอส.ชี้เจอซีโร่โควิดทำแรงซื้อเริ่มแผ่ว

          ศูนย์ข้อมูล ธอส.เปิดสถิติ 4 ปี ต่างชาติซื้อคอนโดฯไทยกว่า 4.7 หมื่นหน่วย มูลค่าทะลุ 2 แสนล้าน จีนนำโด่ง 1.1 แสนล้าน กลุ่มยุโรปตามติด เศรษฐีอาเซียนไม่น้อยหน้า สิงคโปร์ มาเลย์ เขมร พม่า อินโดฯ ลาว เวียดนาม มาเพียบ

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า จากการเปิดโอกาสให้ต่างชาติมีสิทธิถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในสัดส่วน 49% ของพื้นที่ห้องชุดเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อห้องชุดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ได้รวบรวมข้อมูลการถือกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติตั้งแต่ปี 2561-2565 (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่ามีคนต่างชาติรับโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 47,288 หน่วย มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 207,660 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของจำนวนหน่วย และ 15% ของจำนวนมูลค่า

          "เมื่อเทียบกับภาพรวมทั้งหมด ในจำนวนนี้พบว่าผู้ซื้อสัญชาติจีน เป็นกลุ่มที่มีการซื้อมากที่สุดถึง 27,738 หน่วย มูลค่า 116,833 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 60% ของคนต่างชาติที่เข้ามาซื้อห้องชุดในไทยช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา แต่การซื้อของคนสัญชาติจีนได้ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 สำหรับสัญชาติที่เข้ามาซื้อห้องชุดรองลงมาในกลุ่ม 5 อันดับแรก เช่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนของจำนวนและมูลค่าเพียงสัญชาติละ 2-3% ของการโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติทั้งหมด" นายวิชัยกล่าว

          นายวิชัยกล่าวว่า ส่วน 9 ประเทศในอาเซียน มีประเทศสิงคโปร์ 960 หน่วย มูลค่า 5,410 ล้านบาท มาเลเซีย 617 หน่วย มูลค่า 3,278 ล้านบาท กัมพูชา 162 หน่วย มูลค่า 2,394 ล้านบาท เมียนมา 214 หน่วย มูลค่า 1,338 ล้านบาท อินโดนีเซีย 69 หน่วย มูลค่า 638 ล้านบาท ลาว 58 หน่วย มูลค่า 423 ล้านบาท เวียดนาม 38 หน่วย มูลค่า 178 ล้านบาท

          "หากกำลังซื้อของคนต่างชาติยังมีความสำคัญต่อการดูดซับอุปทานห้องชุดในปัจจุบันและอนาคต ผู้ประกอบการอาจต้องหากลุ่มเป้าหมายใหม่ในการขยายตลาดผู้ซื้อ ทดแทนกลุ่มผู้ซื้อสัญชาติจีนที่ยังเผชิญกับนโยบายซีโร่โควิดและภาวะอสังหาฯในประเทศตกต่ำ" นายวิชัยกล่าว

          นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อห้องชุดบางสัญชาติในปี 2564 มีการขยายตัวด้านจำนวนหน่วยสูงขึ้นอย่างชัดเจน เช่น สหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 51.63% เยอรมนี 11.43% สิงคโปร์ 10.74% ออสเตรเลีย 27.10% อินเดีย 19.23% มาเลเซีย 35% แคนาดา 56.06% และกลุ่มประเทศยุโรปอีกหลายประเทศ เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัย และเป็นนโยบายส่งเสริมคนต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว และการให้วีซ่าระยะยาว (LTR) แก่คนต่างชาติตามที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน