รถไฟฟ้า 3 สายใหม่ ดันราคาที่ดินพุ่งเท่าตัว ศูนย์วัฒนธรรม-พญาไททะลุวาละล้าน

   เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัย และที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ตั้งแต่ถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะ รามอินทรามีการพัฒนามานานมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยและค้าปลีกขนาดใหญ่และเล็กรองรับชุมชนโดยรอบ ยังไม่ค่อยมีอาคารสำนักงาน หรือแหล่งงานขนาดใหญ่ คนจึงเข้ามาทำงานในกรุงเทพชั้นใน

   ขณะที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-7% ต่อปี ในช่วงถนนติวานนท์ต่อเนื่องถึงแจ้งวัฒนะและวงเวียนหลักสี่อยู่ที่ 250,000-380,000 บาทต่อตารางวา ถนนรามอินทราอยู่ที่ 250,000- 300,000 บาทต่อตารางวาและต่ำกว่า 300,000 บาทต่อตารางวา ไปจนถึง 200,000 บาทต่อตารางวา ในพื้นที่ใกล้กับสถานีมีนบุรีซึ่งเป็นสถานีปลายทาง และราคามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอีกตามศักยภาพของพื้นที่และการประกาศใช้ผังเมืองรวมกทม.ในปี 2570

   นายสุรเชษฐกล่าวว่า ส่วนสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ การเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินมีมาก่อนหน้ารถไฟฟ้ามาหลายปี จึงอาจสูงเกินกว่าจะพัฒนาอสังหาฯประเภทอื่นได้ มีเพียงคอนโดเท่านั้นที่สร้างผลตอบแทนคุ้มค่าลงทุนและเหมาะสมกับราคาที่ดิน

   โดยราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมากว่าเท่าตัวจากก่อนหน้านี้ มีการเสนอขายไม่ต่ำกว่า 100,000-150,000 บาทต่อตารางวา ถ้าเป็นพื้นที่รอบสถานีที่เป็นจุดตัดสำคัญของเส้นทาง 2 เส้นทาง เช่น พื้นที่รอบสถานีวงเวียนใหญ่ ในอนาคตจะเป็นสถานีร่วมกับสายสีม่วงใต้และสายสีเขียวราคาที่ดินไม่ต่ำกว่า 600,000-700,000 บาทต่อตารางวา ถนนสุขสวัสดิ์ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางวา ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มมากขึ้นไปอีกในอนาคต ตามความคืบหน้าการก่อสร้าง

   นายสุรเชษฐกล่าวว่า สำหรับสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินแนวสายสีส้มตะวันออก ถนนรามคำแหงปรับขึ้นมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตามความคืบหน้าการก่อสร้าง

   ปัจจุบันถนนรามคำแหงราคาอยู่ที่ 150,000-400,000 บาทต่อตารางวา ขึ้นอยู่แต่ทำเลของที่ดินและปรับเพิ่มขึ้นจากในอดีตกว่าเท่าตัว ถ้าเป็นที่ดินรอบสถานีศูนย์วัฒนาธรรมฯ ราคาสูงมากกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวา ถ้าตามแนวถนนพระราม9 จะลดลงมาเหลือที่ 350,000 - 400,000 บาทต่อตารางวา ในปัจจุบัน

   ด้านสายสีส้มตะวันตกไฮไลต์เป็นราคาที่ดินในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรบุรีในทำเลที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามากนักที่อาจจะมากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาหรืออาจจะมากกว่านี้ในบางแปลงที่อาจจะถึงตารางวาละ 2 ล้านบาทในพื้นที่ตามแนวถนนพญาไทที่แยกมาจากถนนเพชรบุรี ราคาขายที่ดินอาจจะไม่ปรับตัวมากนัก เพราะตลาดคอนโดมิเนียมอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาซื้อขายที่ดินในกรุงเทพฯโดยเฉพาะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าต่างๆการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจึงอาจจะเห็นได้ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรบุรี ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็พอเห็นบ้างแล้ว