นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธาน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม และ 22 พฤษภาคม โดยทั้ง 2 ครั้ง ยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน มียอดจองรวมกว่า 3,100 ล้านบาท สะท้อนถึงความไว้วางใจในสถานะทางการเงินและแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ตลอดจนความต่อเนื่องของแผนลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งได้รับการวางแผนอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับการบริหารภาระหนี้และการรับรู้รายได้ในอนาคต

   สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทเตรียมส่งมอบ 4 โครงการที่สร้างเสร็จและพร้อมโอน มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมกว่า 8,600 ล้านบาท และมีความคืบหน้า การก่อสร้างเฉลี่ยกว่า 90% ในทุกโครงการ ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพห้องชุดอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจในมาตรฐานการส่งมอบ โดยโครงการ นิว อีโว อารีย์ จะแล้วเสร็จและเริ่มโอนได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้เป็น โครงการแรก

   เดินหน้าทำการตลาด

   ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนการส่งมอบโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มูลค่ารวมประมาณ 9,900 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งโครงการแนวราบ อาทิ โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 - เอกมัย และ นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ รวมถึงโครงการแนวสูง อาทิ นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และ โนเบิล อราวน์ อารีย์ เพื่อรับรู้รายได้และเสริมความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องอย่าง ต่อเนื่อง

   นอกจากนี้ในการประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นของบริษัท มีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ NOBLE-W3 จำนวน 684,588,280 หน่วย เพื่อมอบสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 11 ที่ราคาใช้สิทธิ 2.32 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี โดยสามารถใช้สิทธิครั้งแรกได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2568 และสิ้นสุดในวันที่ 18 พฤษภาคม 2570 สะท้อนถึงกลยุทธ์การวางรากฐานทางการเงินอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างโอกาสการลงทุนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น และเสริมโอกาสการเติบโตในอนาคต

   ปั๊มยอดขายเพิ่ม

   ด้าน นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ NOBLE กล่าวเสริมว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2/2568 ยังคงเผชิญความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านราคา แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มาตรการภาครัฐในการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในประเทศ และทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

  ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์กระจายความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ทำให้ในปัจจุบัน NOBLE มีฐานลูกค้าต่างประเทศที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาตลาดภายในประเทศ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นคงและศักยภาพการเติบโตของรายได้ในระยะยาว

  "NOBLE ยังคงยึดมั่นในการบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีวินัย สร้างสมดุลทางการเงิน และเดินหน้าพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นจากนักลงทุนซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน"