ศึกไทย-เขมร-ภาษีทรัมป์ ตัวแปรใหม่ซ้ำเติมมู้ดอสังหา ท่องเที่ยว เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

    เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่การปะทะกันบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาได้หยุดยิงกัน แม้จะเป็นการหยุดเพียงชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ทำให้คลายความตึงเครียดในแง่ภาวะเศรษฐกิจและการค้าชายแดนได้ เนื่องจากหากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศ รวมถึงมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงบรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟต่อเรื่องความปลอดภัย สะท้อนจากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่นักแสดงชาย ซิงซิง ที่หายตัวไปซึ่งต้องยอมรับว่าเรื่องของความปลอดภัยนั้น ได้มีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงอย่างมากในปี 2568 นี้

    "สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องยอมรับว่าจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทยกับกัมพูชา กระทบต่อมู้ดการซื้อขายและราคาโครงการที่อยู่อาศัยใน 4 จังหวัดชายแดนบ้าง แต่เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากคนอาจจะมีความกังวล แต่ปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดอสังหาฯคือ กำลังซื้อและแบงก์ไม่ปล่อยกู้มากกว่า"นายสุนทรกล่าว

    นายสุนทรกล่าวว่า ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์ไทยกับกัมพูชายุติแล้ว อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการรองรับภาคการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐนับตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป แม้ขณะนี้อัตราการจัดเก็บยังไม่ชัดเจนก็ตาม แต่เชื่อว่าประเทศไทยจะปิดดีลการเจรจาภาษีที่ดีได้ต่ำกว่า 36%และไม่แพ้ประเทศอื่นๆในอาเซียน ทั้งประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย

    นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า คาดหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นออกมา เพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้คนมั่นใจในการใช้เงิน รวมถึงภาคธุรกิจอาจจะมีความมั่นใจและตัดสินใจในเรื่องของการลงทุนได้ จากเดิมที่ชะลอไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะภาษีทรัมป์ที่น่าห่วง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย รวมถึงเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก ขณะที่ในปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ตอนนี้ทุกคน wait and see

    นายพรนริศกล่าวว่า สำหรับการสู้รบไทยกับกัมพูชา ส่งผลต่อมู้ดตลาดอสังหาฯใน 4 จังหวัดชายแดนบ้าง อาจจะทำให้คนกังวล แต่เป็นเพียงระยะสั้นๆ เนื่องจากตลาดหลักของอสังหาฯอยู่ที่กรุงเทพฯและปริมณฑลถึง 70-80% ประกอบกับตลาดอสังหาฯโดยภาพรวมได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อและเศรษฐกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่แบงก์ไม่ปล่อยกู้ แต่เรื่องสงครามชายแดน เป็นปัจจัยใหม่ที่เพิ่มเข้ามากระทบต่อบรรยากาศและการตัดสินใจซื้อของลูกค้า