ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองอัจฉริยะ หรือ EEC Capital City EECiti ในระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566 - 2570) พัฒนาพื้นที่ 5,795 ไร่อยู่ที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี (ประมาณ 40% ของพื้นที่โครงการทั้งสิ้น 14,619 ไร่) ว่า ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ Conceptual Drawing และศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ทางการเงินและการลงทุน เพื่อเตรียมประกาศเชิญชวนลงทุน PPP ทั้งในรูปแบบการลงทุนแบบโครงการเดียวหรือ Single Package หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้บริการและประเทศ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อพิจารณาเป็น PPP Project list

   เปิดทางเอกชนร่วมลงทุน

   โดยการออกแบบภายในเมืองอัจฉริยะแบ่งเป็น 6 โซน ได้แก่ 1. โซน ศูนย์บริการทางการเงินแห่งอนาคต (CBD) 2. โซนศูนย์การแพทย์แม่นยำและการแพทย์เพื่ออนาคต 3. โซนศูนย์การศึกษา-วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติ 4.โซนศูนย์ธุรกิจ BCG 5. โซนศูนย์ธุรกิจบริการ เช่น การท่องเที่ยวและบริการ กีฬา สันทนาการ โลจิสติกส์ และ 6. โซนที่อยู่อาศัยหลักสำหรับคนทุกกลุ่มรายได้ และ Mixed-use

   สำหรับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เตรียมเปิดเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ Public Private Partnership PPP ประกอบด้วย 10 ระบบ ได้แก่ 1. ระบบไฟฟ้าและพลังงาน 2. ระบบน้ำประปา 3. ระบบจัดเก็บน้ำเสียและผลิตน้ำรีไซเคิล 4. ระบบบริหารจัดการน้ำ 5. ระบบจัดการขยะ 6. ระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบโทรคมนาคม 7. ระบบดับเพลิง ระบบเตือนภัยพิบัติและระบบป้องกันฟ้าผ่า 8. ระบบเครือข่ายถนนและระบบจราจรที่รองรับระบบขนส่งสาธารณะ 9. ระบบรางสาธารณูปโภครวม และ 10. พื้นที่สีเขียวและภูมิทัศน์ส่วนกลาง

   ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีประมาณ 2569 จะสามารถเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ ในโครงการ EECiti รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 74,465 ล้านบาท โดย สกพอ. มีเป้าหมายให้เอกชนและรัฐวิสาหกิจเข้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางภายในปีงบประมาณ 2570

   BTS หนุนพัฒนา EEC

   นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า BTS Group มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เฉลี่ยที่ประมาณ 1 เท่า หนุนศักยภาพการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานระยะต่อไป

   พร้อมกันนี้กลุ่มบริษัทยังมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการพักอาศัย อาทิ โครงการ "เดอะ แลงแฮม แบ็งค็อก" ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดินของอาคารศุลกสถานเก่า (โรงภาษีร้อยชักสาม), โครงการ "La Clef Bangkok by The Crest Collection" "เซอร์วิส เรสซิเดนซ์" ระดับอัลตราลักซ์ชัวรี ในย่านทองหล่อ เป็นต้น

   "กลุ่มบริษัทมีทั้งธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจบริหารสื่อโฆษณา และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีความพร้อมเข้าร่วมพัฒนาโครงการภาครัฐที่สอดคล้องกับความสามารถในการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต"