Loading

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ไตรมาส 2 ปี 2566 และ ครึ่งแรกปี 2566

วันที่ : 13 กันยายน 2566
จากรายงานเศรษฐกิจของประเทศไทยของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2566 มีขยายตัวของ GDP ร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งแรกปี 2566  มีปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านโครงการต่างๆ และรัฐบาลยังคงมีมารตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือร้อยละ 1 และค่าจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 3 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับในช่วงปลายปี 2565 มีการเร่งซื้อเร่งขายก่อนที่จะหมดมาตรการผ่อนปรน LTV ทำให้เกิดโมเมนตัมส่งผลให้อุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC ในครึ่งแรก ปี 2566 มีมีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงถึง 24,717 หน่วย มูลค่า 62,901 ล้านบาท โดยมีการขยายตัวทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ร้อยละ 4.3 และ 14.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ และพบว่า จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดใน EEC ถึง 16,622 หน่วย มูลค่า 44,554 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 58.9 เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านแนวราบ โดยพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มากจะอยู่ในอำเภอบางละมุง ศรีราชา และเมืองชลบุรี ตามลำดับ จังหวัดที่รองลงมาคือ จังหวัดระยอง มีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 5,815 หน่วย มูลค่า 13,089 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 90.9 เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านแนวราบ โดยพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มากจะอยู่ในอำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง และนิคมพัฒนา สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีขนาดตลาดที่เล็กที่สุดในพื้นที่ EEC มีหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 2,280 หน่วย มูลค่า 5,258 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าร้อยละ 97.2 เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านแนวราบโดยพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มากจะอยู่ในพื้นที่อำเภอบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และอำเภอแปลงยาว.....อ่านต่อฉบับเต็ม .... Download PDF
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่