เอสซี จ่อร่วมทุนนอก หวังเพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติ
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติในเอเชีย เพื่อพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมในเมือง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
โครงการที่จะร่วมลงทุนจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้ แบรนด์เดอะเครสท์ ระดับเฉลี่ยราคา 2.5 แสนบาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยโครงการแรกที่จะร่วมลงทุนจะอยู่ในทำเลลาดพร้าว
"สาเหตุที่ต้องการร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาตินั้น นอกจากเม็ดเงินลงทุนแล้ว สิ่งสำคัญคือบริษัทต้องการเพิ่มฐานลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งผู้ร่วมทุนจะมีฐานลูกค้าและจะช่วยขยายตลาดได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 8% ซึ่งบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนเป็น 15% จากยอดขายรวม ภายในปี 2563
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจลงทุนในอสังหาฯ ประเภทให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ให้เช่าในต่างชาติ เพื่อเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อโครงการอพาร์ตเมนต์ที่เมืองบอสตัน รวมถึงเมืองทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ มาปรับปรุงใหม่โดยจะใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี และเบื้องต้นจะถือครองไว้นาน 3-5 ปี ก่อนที่จะปล่อยขาย ซึ่งคาดว่าอพาร์ตเมนต์ที่จะปล่อยขายนั้นราคาจะปรับขึ้น (Capital Gain) ไม่ต่ำกว่า 20%
ส่วนแผนการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทจะเปิดตัว โครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ คือ แซมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น ราคา 3-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และอีก 14 โครงการเป็นบ้านแนวราบ ราคาเริ่มตั้งแต่ 3-60 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 36 โครงการมูลค่ารวม 32,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมโครงการที่จะเปิดใหม่และโครงการระหว่างขายจะทำบริษัทมีโครงการที่เปิดขายทั้งสิ้น 51 โครงการมูลค่า 47,000 ล้ายบาท
ยอดขายรอโอนหรือแบ็กล็อกอยู่ที่ 10,730 ล้านบาท โดย 45% หรือประมาณ 4,800-4,900 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้และยอดขายตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 17,000 ล้านบาท ในส่วนของยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 7,235 ล้านบาท งบประมาณซื้อที่ดินในปีนี้ ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้ว 60% หรือ 4,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด RE-invention ที่มุ่งสู่การเป็น Living Solution Provider ได้แก่การร่วมพัฒนา Baan Rue Jai Application กับบริษัท ไฟร์ วัน วัน โดยในไตรมาส 4 นี้เตรียมเปิดตัวฟีดเจอร์ใหม่ ซึ่งเป็นการแจ้งซ่อม และ One-on-One Conversation นอกจากนี้ จะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในอีโคซิสเต็ม พัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและบ้านแฝด และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าภายในโครงการเพื่อมาทำบิ๊กดาต้า โดยใช้โครงการทาวน์ชิปที่บางกะดี ขนาด 240 ไร่ และใช้บิ๊กดาต้าพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดและในไตรมาส 4 ของปีนี้จะเปิดตัวหุ่นยนต์
นายณัฐพงศ์ คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาฯในปี 2561 ยังเติบโตได้ประมาณ 10% สอดรับกับการขยายตัวของจีดีพีที่อยู่ประมาณ 4% อีกทั้งสัดส่วนหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ตัวเลขการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าราว 1.84 แสนล้านบาท โดยรูปแบบการพัฒนาโครงการใหม่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบมากขึ้น