สัมภาษณ์: เปิดมุมมอง สุนทร สถาพร ทำเลรถไฟฟ้า'BTS-MRT'ยังฮอต
การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตคู่ขนานไปกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรัฐโดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้า ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" สัมภาษณ์นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฉลิมนคร จำกัด บริษัทพัฒนาที่ดินรายกลางรุ่นเก๋ากล่าวถึงแผนพัฒนาโครงการในอนาคตว่า
บุกคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า
จากศักยภาพของรถไฟฟ้าทำให้ วิถีการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยน ส่งผลให้บริษัท ก่อตั้งบริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท และเริ่มซื้อที่ดินตั้งแต่ปี 2560-2561 บุกโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองเพื่อให้ครอบคลุมตลาดทุกเซ็กเมนต์ หลังจากที่ผ่านมา เน้นพัฒนาโครงการแนวราบมาโดยตลอด ทำเลย่านรังสิต
เนื่องจากค้นพบว่าพื้นที่ในหลายทำเลย่านใจกลางเมืองขนาดไม่ใหญ่มากนัก เข้าไปในซอย ไม่ห่างจากถนนสายหลักและสถานีรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการรายใหญ่มักไม่ค่อยเข้าไปพัฒนา จึงเห็นโอกาสของการเข้าไปทำตลาดอีกมาก โดยเน้นการพัฒนาทำเลที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าBTS และMRT สายปัจจุบัน มองว่ายังเป็นทำเลที่มีดีมานด์สูงกว่าซัพพลาย และมีความเสี่ยงต่ำ เรียกว่ายังเป็นขุมทองของการพัฒนา
ล่าสุด บริษัทสามารถถือครองที่ดินในทำเลดังกล่าวทั้งหมด 4 แปลง เริ่มพัฒนาแปลงแรกได้แก่ ที่ดินสาทร ซอย 1 เนื้อที่ 2.5 ไร่ ซื้อมาในราคา 5 แสนบาทต่อตารางวา มีเป้าหมายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม "เดอะ เชดด์ สาทร1" สูง 8 ชั้น 2 อาคาร เริ่มต้นที่ 130,000 บาทต่อตารางเมตรมี 278 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท นับว่าเป็นโครงการแรกซึ่งบริษัทได้พัฒนาคอนโดมิเนียมโดยมองว่า ทุกอย่างยังเริ่มต้นได้ตลอด ไม่มีคำว่าช้า
ขณะที่ดอกเบี้ยการลงทุนของสถาบันการเงินอยู่ที่ 6-7% อยู่ในวิสัยที่จะลงทุนและมีกำไรได้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแข็งค่า ผลกระทบด้านการส่งออก แต่สำหรับผู้บริโภคแล้วถือว่าอัตรานี้ยังผ่อนชำระได้
ปักหมุดชนวันแบงค็อก
บริษัทยังมีที่ดินอีก 3 แปลงโดยจะนำมาพัฒนาและเปิดขายในปี 2562 ได้แก่ที่ดินบริเวณเย็นอากาศ ซอย 2 พื้นที่ 440 ตารางวา ซื้อมาในราคาประมาณ 400,000 บาทต่อตารางวา มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 1 อาคาร ภายใต้แบรนด์ "เดอะ เชดด์ ทวิก" เย็นอากาศราคาประมาณ 120,000-130,000 บาทต่อตารางเมตรจำนวนกว่า 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 550 ล้านบาท
ที่ดินบริเวณถนนพระราม 4 เยื้องโครงการ วันแบงค็อก ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ซื้อที่ดินมาในราคา 1 ล้านบาท/ตารางวา มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ "เดอะ คราวน์" พระราม 4 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะพัฒนาสูงเกินหรือต่ำกว่า 20 ชั้น โดยจะขายในราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป จำนวนประมาณกว่า 200 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนแปลงสุดท้ายตั้งอยู่ที่รังสิต คลอง 5 จำนวน 99 ไร่ ซื้อมาในราคา 6 ล้านบาทต่อไร่ พัฒนาภายใต้แบรนด์ "ดิ อิเธอร์นิตี้" รังสิตคลอง 5 รวมมูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งพื้นที่ 74 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ราคา 5-10 ล้านบาท
สำหรับการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์มองว่ายังล้อไปตามกระแสเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ไทยมีอัตราการเติบโตของจีดีพีประมาณ 4% ซึ่งสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีศักยภาพแล้ว ดังนั้นแนวโน้มโอกาสจะเติบโตเพิ่มมากถึง 15% เนื่องจากมีสินค้าที่แตกต่างแม้ว่ากลุ่มประเทศ CLMV จะเติบไปแล้ว 6-7% ก็ตาม
ทั้งนี้บริษัทเน้นโครงการไม่ใหญ่แต่สนองความต้องการตลาด แต่หลายโครงการยังเติบโตไปด้วยกันคละขนาดกันไป สามารถประคองบ้านแนวราบและบ้านแนวสูงไปด้วยกัน
นับเป็นอีกมิติของนักลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ยังเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล มาลุ้นกันว่าจะยืนหยัดในวงการได้ยืนยาวมากน้อยแค่ไหนสำหรับแบรนด์ใหม่ "สถาพรเอสเตท"