ทายาทเนสกาแฟ ลุยอสังหาฯผุดรร.-สนง.-คอนโดฯกลางเมือง
นางอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือบริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนไปในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างรายได้ระยะยาวเพิ่มมากขึ้น อาทิ อาคารสำนักงาน โรงแรม เป็นต้น จากเดิมที่บริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งในเบื้องต้นจะเน้นนำแปลงที่ดินสะสมของครอบครัวที่มีศักยภาพ อยู่ในทำเลกลางเมืองมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมทำเลในเมืองหรือเกาะแนวรถไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบสนามกอล์ฟทั้ง 3 สนาม
ล่าสุด บริษัทได้นำที่ดิน 2 แปลง ย่านเพลินจิตและนานา มาพัฒนาโรงแรมในรูปแบบ "ไลฟ์สไตล์ โฮเทล" โดยใช้เชน "Penta Hotel" ซึ่งเป็นหนึ่งในเชนบริหารโรงแรมของ "โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป" ได้แก่ ที่ดินบริเวณซอยนายเลิศ ด้านหลังโครงการ "โนเบิล เพลินจิต" บนพื้นที่ 300 ตารางวา พัฒนาเป็นโรงแรม สูง 8 ชั้น ขนาด 150 ห้อง ขนาดห้องประมาณ 24 ตารางเมตร ราคาค่าเช่า 2,000-2,500 บาท/คืน ใช้งบในการลงทุน 800 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการได้ในปี 2563 ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยบริษัทลูก เดอะเนสท์ เพลินจิต จำกัด
ส่วนอีกแปลงตั้งอยู่บริเวณซอยนานา บนพื้นที่ 1 ไร่ครึ่ง เป็นที่ดินสะสมประมาณ 10 ปี พัฒนาโรงแรมในรูปแบบเดียวกันคือ สูง 8 ชั้น จำนวน 250 ห้องพัก ราคาประมาณ 2,000-2,500 บาท/คืน มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยจะพัฒนาภายใต้บริษัท เดอะเนสท์ นานา จำกัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบ
สำหรับที่ดินทั้ง 2 แปลงซื้อมาในราคาที่ต่ำกว่า 500,000 บาท/ตารางวา จึงทำให้มีต้นทุนในการพัฒนาถูกลงมาก ซึ่งคาดว่าโรงแรมแต่ละแห่งจะใช้ระยะเวลาในการถึงจุดคุ้มทุนประมาณ 8 ปี
"ทิศทางการลงทุนพัฒนาโครงการที่ อยู่อาศัยในช่วง 2 ปีนี้ ยังคงเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ย่านใจกลางเมือง ตามแนวรถไฟฟ้า ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง ปีละ 1-2 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าของบริษัท ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองกว่า 50% จากยอดขายปัจจุบัน และอีก 50% ซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยลูกค้าคนไทยและต่างชาติ คิดเป็น 70 : 30 และลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็น ชาวจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์"
โดยในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจะเปิดตัวโครงการ "เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71" ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ครึ่ง พัฒนาเป็นคอนโดฯสูง 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ราคา 2.39-5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 100,000-110,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 515 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และในปี 2562 มีแผนที่จะเปิดตัวอีกอย่างน้อย 1 โครงการ มูลค่า 1,500-2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ทางครอบครัวยังมีที่ดินย่านใจกลางเมืองอีก 2 แปลง ย่านพระราม 4 เยื้องโครงการ "วัน แบงค็อก"(One Bangkok) จำนวน 5 ไร่ ซึ่งอาจจะพัฒนาในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยคอนโดฯ และอาคารสำนักงาน ส่วนอีกแปลง อยู่ทำเลสาทร ซอย 1 พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาด 3-4 ชั้นในทำเลรอบสนามกอล์ฟทั้ง 3 แห่ง ของบริษัทในเครือ
ด้านโครงการ "เดอะเนสท์ สุขุมวิท 64" เป็นโครงการ โลว์ไรส์ ราคาเริ่มต้นที่ 2.39-4.79 ล้านบาท จำนวน 439 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เปิดพรีเซลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 80% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ก่อนปลายปีนี้ และจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 62
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 2,500 ล้านบาท จาก 3 โครงการ คือ เดอะเนสท์ เพลินจิต,เดอะเนสท์ สุขุมวิท 22 และเดอะเนสท์ สุขุมวิท 64 โดยปัจจุบันทำยอดขายได้แล้วกว่า 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 1,800-2,000 ล้านบาท