มาลาดา ผุดบ้านเดี่ยวรับสนามบินใหม่
กลุ่มทุนอสังหาฯเชียงใหม่ "มาลาดา" ผุดบ้านเดี่ยวหรูโครงการ 6 "มาลาดา แกรนด์ คูลี่" มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ปักหมุดทำเลทองบนถนนเชียงใหม่สันกำแพงสายใหม่ รองรับสนามบินนานาชาติเชียงใหม่แห่งที่ 2 เผยกวาดยอดจองภายในงานซอฟต์ โอเพนนิ่ง 32 ยูนิต ทะลุ 146 ล้านบาท พร้อมเตรียมลงทุนโครงการ 7 ปี'62 ปั้นโครงการมิกซ์ยูส "คอนโดมิเนียมทาวน์โฮม" กว่า 500 ล้านบาท ยึดหัวหาดคลองชลประทานใกล้ศูนย์ประชุมนานาชาติ รองรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง
นางศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลาดา จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนงานในปีนี้ (2561) ได้ลงทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องเป็นโครงการที่ 6 คือ "MALADA Grand Coulee" (มาลาดา แกรนด์ คูลี่) ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูสไตล์โมเดิร์นระดับราคากว่า 3-12 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่-สันกำแพงสายใหม่ บนเนื้อที่ราว 54 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 1,400 ล้านบาท โดยการพัฒนาโครงการที่ 6 นี้ ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่กว่าทั้ง 5 โครงการที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง-บน (niche market) ในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีปริมาณมากขึ้น และต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ขณะที่ทำเลที่ตั้งของโครงการซึ่งติดถนนสันกำแพงสายใหม่ (กม.8) นับเป็นย่านที่พักอาศัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ การคมนาคมสะดวก ใกล้ชุมชน แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ย่านธุรกิจ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และโครงการสนามบินนานาชาติเชียงใหม่แห่งที่ 2 ที่เตรียมก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้
นางศรีมาลากล่าวว่า โครงการสนามบินนานาชาติเชียงใหม่แห่งที่ 2 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อโครงการอย่างมาก ซึ่งการพัฒนาโครงการมาลาดา แกรนด์ คูลี่ ถือเป็นการลงทุนที่จะรองรับโครงการสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางให้กับลูกค้าของโครงการในอนาคต ทั้งนี้ จากการจัดงานซอฟต์ โอเพนนิ่ง (soft opening) โครงการเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2561 มียอดจองภายในงานทั้งหมด 32 ยูนิต รวมมูลค่า 146,820,489 บาท
สำหรับผังที่อยู่อาศัยโครงการทั้งหมดราว 54 ไร่ ได้ออกแบบวางผังให้มีความเป็นธรรมชาติ มีสวนสีเขียวส่วนกลาง สอดรับกับรูปแบบบ้านโมเดิร์นสไตล์ และระบบการเดินสายไฟฟ้าใต้ดิน โดยแบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ โซน M-town เป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 29 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 185 ตารางเมตร 3 ชั้น 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ สามารถประกอบธุรกิจได้ และเป็นบ้านพักอาศัยได้ในตัว
ส่วนเฟส 2 คือ มาลาดา แกรนด์ (MALADA Grand) พื้นที่พัฒนาทั้งหมด 15 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่จำนวน 58 ยูนิต 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ขนาด 3 ชั้น มีสระว่ายน้ำ ส่วนตัวทุกหลัง ซึ่งออกแบบวางผังโครงการเป็นคลัสเตอร์ หรือกลุ่มบ้าน โดยแบ่งเป็นกลุ่มบ้านด้วยสวนสีเขียว เพื่อให้การอยู่อาศัยโปร่งโล่ง ไม่แออัด ระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6.9-8.9 ล้านบาท และราคาสูงสุดอยู่ที่ 12 ล้านบาท (ซึ่งจะมีพื้นที่ขนาด 69 ตารางวา) และเฟส 3 MALADA Coulee อยู่บนพื้นที่ราว 33 ไร่ จำนวน 196 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวโมเดิร์นสไตล์ เน้นกลุ่มลูกค้า ระดับกลาง ราคาเริ่มต้น 3.29-4 ล้านบาท
นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมีคลับเฮาส์ (club house) ที่เน้นการออกแบบให้มีความทันสมัยด้วยผนังซีทรู และรูปทรงอาคาร free form ขนาดพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร พร้อมโซนฟิตเนสด้วยเครื่องเล่นออกกำลังกายกว่า 100 ชิ้น สระว่ายน้ำ ห้องเซาน่า ออนเซน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โซน coworking space ห้องนั่งสมาธิ ห้องประชุม และห้องดูภาพยนตร์ขนาด 12 ที่นั่ง เป็นต้น
ขณะนี้ได้เริ่มเดินหน้าก่อสร้างโครงการแล้วราว 20% ในส่วนงานปรับพื้นที่ ก่อสร้างถนน และระบบสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐาน โดยการก่อสร้างบ้านจะเริ่มกลางปี 2561 นี้ คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ราวปลายปี 2564
นางศรีมาลากล่าวต่อว่า ทางบริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ทุกปี โดยมีโครงการสำหรับปี 2562 ที่จะพัฒนาต่อเป็นโครงการที่ 7 บนถนนคันคลองชลประทาน ใกล้กับศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ พื้นที่โครงการทั้งหมดราว 8 ไร่ จะพัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูส ทั้งโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) และโครงการแนวราบ (ทาวน์โฮม) ภายในพื้นที่เดียวกัน จำนวนราว 200 ยูนิต โดยคอนโดมิเนียมจะแบ่งเป็น 2 อาคาร อาคารละ 75 ยูนิต ความสูงของอาคาร 5 ชั้น และทาวน์โฮมจำนวนกว่า 30 ยูนิต ซึ่งโครงการมิกซ์ยูสโครงการที่ 7 นี้ จะเน้นความลักเซอรี่ โดยจะใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนโครงการที่ 7 คือ การมองเรื่องศักยภาพของทำเล ซึ่งการทำโปรดักต์ในทำเลนี้ต้องสร้างศักยภาพที่ดินให้เกิดมูลค่าสูงสุด เนื่องจากในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงพาดผ่านบริเวณโครงการ เป็นปัจจัยด้านบวกให้กับพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมด และเสริมศักยภาพของโครงการให้เด่นชัดมากขึ้นในด้านการเดินทางสัญจรที่สะดวกรวดเร็ว และจะกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ในอนาคต