โอเชี่ยนพรอพเพอร์ตี้ รอจังหวะเหมาะผุดโครงการมิกซ์ยูส ริมเจ้าพระยา นำความเชี่ยวชาญสร้างมารีน่าเสริมบริการลูกค้า เผยแผนบุกทาวน์เฮาส์ภูเก็ต พร้อมขยายคอนโดขอนแก่นเพิ่ม รีโนเวทใหญ่รีสอร์ทหัวหินดึงเมอเวนพิคบริหาร ตั้งเป้าสร้างสมดุลรายได้เช่า-ขาย สัดส่วน 50: 50

          นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีที่ดินรอการพัฒนา 2 แปลงใหญ่ในกรุงเทพฯได้แก่ พระราม3 ราว 16 ไร่ และราษฎร์บูรณะ 19.5 ไร่ ซึ่งเป็นทำเลดีติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามแผนที่วางไว้คือการพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส (ผสมผสาน) ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์สำหรับขาย, พื้นที่เชิงพาณิชย์และที่พิเศษคือ มารีน่าสำหรับจอดเรือ ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งของกลุ่มโอเชี่ยนพรอพเพอร์ตี้ที่เป็นเจ้าของโอเชี่ยนมารีน่าพัทยา ศูนย์กลางการเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยวของอ่าวไทยมาใช้ให้เป็นประโยชน์

          อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดโครงการและปีที่พร้อมลงทุน เนื่องจากสภาพตลาดอสังหาฯในทำเลเดียวกันยังมียอดขายเติบโตได้ช้า โครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้ายังใช้เวลาเฉลี่ยนานกว่าจะปิดการขาย ดังนั้นจึงต้องรอให้ตลาดอยู่ในภาวะที่เหมาะสมก่อน

          ระหว่างนี้จึงมุ่งขยายธุรกิจอสังหาฯ ในต่างจังหวัดที่ยังมีความต้องการสูงต่อเนื่อง วางเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ปีละ1-2โครงการ เริ่มจากช่วงกลางปีนี้เตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 8 ชั้นที่ขอนแก่น เป็นอาคารที่2 หลังจากผลตอบรับจากโครงการแรกเป็นไปด้วยดี ขณะนี้เหลือยูนิตคงค้างเพียงเล็กน้อยพร้อมกับการลงไปเจาะตลาดภูเก็ตทำโครงการแนวราบเริ่มจากทาวน์เฮาส์ในราคาเฉลี่ย 2 ล้านบาทปลาย รวมมูลค่าลงทุนราว 500 ล้านบาท ทั้งโครงการมีจำนวนราว 200 หลังทำเลอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตคาดว่า จะไปเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า โดยภายในโครงการจะมีส่วนของอาคารพาณิชย์ ส่วนพื้นที่อีกแปลงราว 23 ไร่ยังแบ่งไว้พัฒนาเฟสต่อไปเป็นบ้านเดี่ยวคาดว่า จะใช้งบลงทุนราว 700-750 ล้านบาท

          ทั้งนี้ เป้าหมายการมุ่งลงทุนอสังหาฯ เพื่อปรับสัดส่วนการทำรายได้จากการเช่า และการขายให้สมดุลกันที่ 50:50 จากในปัจจุบันบริษัทยังมีรายได้จากการเช่ามากกว่า 70% เช่น ธุรกิจมารีน่าในพัทยา, อัสสรารีสอร์ท แอนด์ สปา ในหัวหินซึ่งปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ในรอบเกือบ10ปีในเดือนต.ค.-พ.ย.พร้อมกับนำเชนจากยุโรป"เมอเวนพิค"เข้ารับบริหาร

          สำหรับภาพรวมกำลังซื้อในปัจจุบันตลาดอสังหาต่างชาติชะลอลงไปเล็กน้อย ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นมากอย่างที่ควร แต่ธุรกิจมารีน่าพัทยายังมีแนวโน้มเติบโตสวนทาง จึงลงทุนสร้างท่าจอดเรือเพิ่มเพื่อให้รองรับได้เป็น 440 ลำจากเดิม 380 ลำ ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท