NWRการันตีปีนี้พลิกมีกำไร อานิสงส์บุ๊กกำไรพิเศษเพียบ
NWR การันตีปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิ หลังเตรียมบุ๊กกำไรพิเศษเพียบ รอลุ้นผลประมูลงานใหม่กว่า 25,253 ล้านบาท คาดหวังได้งานกว่า 15-20% ของมูลค่างานทั้งหมด และทยอยรู้ผลตั้งแต่ครึ่งปีหลัง มั่นใจหนุนผลงานโตแกร่ง
นายปสันน์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการงวดปี 2561 บริษัทมั่นใจจะพลิกเป็นกำไรสุทธิ จากปี 2560 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 202.81 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษหลายรายการที่จะเข้ามาสนับสนุนผลประกอบการของบริษัท
โดยกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กับพวกรวม 5 ราย รับผิดชอบชำระค่าเสียหายเท่ากับค่างาน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ทำและส่งมอบแล้ว และเงินประกันผลงานรวมดอกเบี้ยให้แก่บริษัท จำนวน 278 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะบันทึกเป็นกำไรพิเศษในงบได้ในช่วงไตรมาส 2/2561 หรือในไตรมาส 3/2561
ขณะที่บริษัทยังมีแผนที่จะขายอุปกรณ์เปิดหน้าดินเหมืองแม่เมาะ ที่มีราคาขายสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งจะทำให้สามารถบันทึกกำไรพิเศษได้ นอกจากนี้คาดว่าจะได้รับเงินชำระจากลูกหนี้อีกประมาณ 50 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจผลประกอบการทั้งปี 2561 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิได้
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในงวดครึ่งหลังปี 2561 บริษัทคาดว่าจะมีสัญญาณการเติบโตที่ดี เนื่องจากประเมินว่างานก่อสร้างของภาครัฐน่าจะทยอยออกมามากขึ้น เช่น งานรถไฟฟ้า งานรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น หลังจากในงวดครึ่งปีแรกชะลอตัว ดังนั้นจึงประเมินว่ารายได้รวมทั้งปี 2561 จะใกล้เคียงกับปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 9,342.32 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างรับรู้งานไม่มาก จึงมองหางานขนาดเล็กเพื่อให้รับรู้รายได้ภายในปี 2561
ทั้งนี้ ในปี 2561 ตั้งเป้าหมายรับงานใหม่ไว้ที่มูลค่า 13,780 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 6 มิ.ย. 2561 บริษัทมีงานที่ประมูลได้แล้วทั้งสิ้น 4,081 ล้านบาท และมีงานอยู่ในขั้นตอนรอผลการประมูลประมาณ 25,253 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยทราบผลตั้งแต่งวดครึ่งปีหลัง โดยคาดหวังจะได้รับงาน 15-20%
นายปสันน์ กล่าวอีกว่า ณ สิ้นเดือน เม.ย. 2561 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 11,415 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 50% โดยเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้ว 10,823 ล้านบาท และงานที่ยังไม่เซ็นสัญญาอีกประมาณ 592 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมองหางานขนาดเล็ก เพื่อให้รับรู้รายได้ทันทีในปี 2561 โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากโครงการก่อสร้างประมาณ 80-85%, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 10% และส่วนที่เหลือ 5-10% มาจากธุรกิจอื่น ๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสเข้ารับงานในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา และเมียนมา โดยจะเป็นงานก่อสร้างอาคาร และโรงไฟฟ้า เนื่องจากมองเป็นโอกาสที่ดี เพื่อขยายแหล่งที่มาของรายได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 5%
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทตั้งเป้าปี 2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2560ที่อยู่ระดับ 500 ล้านบาท โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 700 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย 7 โครงการ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดี ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะมีรายได้เติบโตตามแผน
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดขายโครงการบารานี พาร์ค มูลค่า 1,000 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 31% และมียอดโอน 7%, โครงการเอสเพน คอนโด ลาซาน A มูลค่า 780 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 87% และมียอดโอน 55%, โครงการเอสเพน คอนโด ลาซาน B มูลค่า 750 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 61% (รอพิจารณาเฟส C) และโครงการบารานีเรสซิเด้นซ์ มูลค่า 850 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 35% และมียอดโอน 20% ส่วนโครงการวิลล่า บารานี มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท มียอดขาย 99% และมียอดโอน 98% คาดว่าจะปิดการขายและโอนทั้งหมดภายในปี 2561
ส่วนโครงการดำเนินการโดยบริษัท ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทเข้าถือหุ้น 40%) ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการ ได้แก่ อิซซี่ คอนโดสุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท มียอดขาย 81% และมียอดโอน 75% ส่วนโครงการบ้านอิสสระ บางนา มูลค่า 2,600 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบ้านตัวอย่างแล้วเสร็จ โดยมียอดขายแล้ว 3%