ทริส หมดห่วงอสังหาล้นยืนเรทติ้ง คงที่ ปีนี้
สภาวะตลาด โดยรวมปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่
บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ได้คงแนวโน้มอุตสาหกรรม "Stable" หรือ "คงที่" ค่อนข้างไปในทางบวกสำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย โดยคาดว่า อุตสาหกรรมจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัย ขับเคลื่อนด้านบวก คือ ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้งปีปรับตัวดีขึ้นและการลงทุนในโครงการโครงสร้าง พื้นฐานของภาครัฐ ในขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด คาดว่าจะปรับตัว ดีขึ้น จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของ ธุรกิจท่องเที่ยว และราคาสินค้าเกษตร ที่ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นอีกประการหนึ่งที่จะทำให้ ตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตต่อไปได้ นอกจากการลงทุนของภาครัฐในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็น่าจะเห็นผลชัดเจนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่ปัจจัยท้าทายน่าจะเป็นจำนวน ที่อยู่อาศัยคงค้างที่อยู่ในระดับสูงบางพื้นที่ รวมถึงราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
ในปีนี้ ทริส คาดว่าจะมีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการปรับพอร์ตสินค้าให้มีความสมดุล และต้องการรับรู้รายได้ในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่ยอดขายหรือโอนเพื่อรับรู้เป็น รายได้ (Backlog) ลดลงอย่างมากใน ช่วงเวลาถวายความอาลัยฯ ในปี 2559 ซึ่ง อาจจะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้ช่วงปี 2561-2562 ด้วยการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ๆ ที่เหมาะแก่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการหลายราย ก็วางแผน จะพัฒนาโครงการแบบผสม (มิกซ์ยูส) เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ที่ดินและเพิ่มมูลค่าของที่อยู่อาศัยในเขตเมือง
นอกจากนี้การจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ (RealEstateInvestment Trust-REIT) ก็มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายจำหน่ายทรัพย์สินที่มีผลการดำเนินงานระยะหนึ่งแล้วเข้าทรัสต์และนำเงินที่ได้ไปลงทุน ในโครงการอื่นต่อไปได้
สำหรับคุณภาพเครดิต โดยรวมของผู้ประกอบการที่ได้รับการจัดอันดับ เครดิตจากทริสเรทติ้งนั้น อาจปรับลดลงบ้าง จากการที่ต้องมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ตามจำนวนโครงการที่เปิดเพิ่มขึ้นใน ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ รวมถึงการลงทุนเพิ่มในที่ดินและโครงการมิกซ์ยูส
ดังนั้น ทริส จึงคาดว่าอัตราส่วน หนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนโดยเฉลี่ยของ ผู้ประกอบการน่าจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคง ต่ำกว่า 55% เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามแสวงหาพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนา โครงการที่มีขนาดใหญ่ อัตรากำไรของ ผู้ประกอบการบางรายปรับลดลงจาก ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และการส่งเสริมการขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายและปิดโครงการเก่าๆ การแข่งขันในตลาดจะเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นการแข่งขันระหว่าง ผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากตลาด โดยรวมไม่มีการขยายตัวมากนักและ ผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ครองส่วนแบ่งไปเกือบ 70% ของมูลค่าตลาดโดยรวม
ณ สิ้นเดือนเม.ย.2561 ทริส มีการ จัดอันดับเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการ ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยไปแล้วทั้งสิ้น 20 ราย โดยอันดับเครดิต อยู่ในระดับตั้งแต่ BB ขึ้นไป จนถึง A+ มีการปรับลดอันดับเครดิต 1 รายในปี 2560 และอีก 1 รายใน 4 เดือนแรกของปี 2561 ตราสารหนี้ระยะยาวคงค้างของ ผู้ประกอบการทั้ง 20 ราย ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 206,876.70 ล้านบาท โดย 90% ของหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอนภายในระยะเวลา 3 ปี และจำนวนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณปีละ 30% ทั้งนี้ ยอดคงค้างของตราสารหนี้ระยะยาว คิดเป็นประมาณ 70% ของเงินกู้รวมของ ผู้ประกอบการที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ให้น้ำหนัก การลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ "มากกว่าตลาด" โดยคาดว่าทั้งกลุ่มจะมีกำไร ในไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ 5.92 พันล้าน เพิ่มขึ้น 9.3% จากงวดเดียวกันปีก่อน และคิดเป็น 16.8% ของประมาณการทั้งปี โดยไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่กำไร ต่ำสุดของปี และกำไรจะทยอยเพิ่มขึ้น จนแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วน ยอดพรีเซลในไตรมาส 1 ปี 2561 คาดจะเติบโต 11.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะพรีเซล ที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด"สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จาก 4 เหตุผล ประกอบด้วย 1. ตลาดอสังหาฯ โดยรวมในไตรมาสแรกปีนี้ ชะลอลงจากไตรมาสที่แล้วจากปัจจัยฤดูกาลที่เข้าสู่โลว์ซีซัน แต่เติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 2. คาดกำไรปกติไตรมาส 1 ปีนี้ ขยายตัว 11% จากงวดเดียวกันปีก่อน คิดเป็น 17% ของประมาณการทั้งปี
3. แนวโน้มผลประกอบการเติบโตเด่น ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป ตามการ เปิดโครงการใหม่และแผนโอนคอนโดมิเนียมที่เร่งขึ้น และ 4. Valuation ของกลุ่ม น่าสนใจ PER61 ต่ำเพียง 9.2 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 10.3 เท่า