อสังหาฯไตรมาส2แข่งดุปั้นตัวเลขปิดยอดครึ่งปี
ดีเวลอปเปอร์โหมเปิดตัวท้าฝน เทรนด์ตลาดบนแข่งเดือด "แอล.พี.เอ็น." ลุย 3 โครงการแนวสูงรวมมูลค่า 7,400 ล้านบาท บิ๊กโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสคอนโดฯ-อาคารสำนักงาน ทำเลวิภาวดีฯ-จตุจักร "เอพี"-"พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค" ลุยแนวราบล้วนๆ
ปิดฉากไตรมาสแรก ปี 2561 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายรายต่างทำรายได้และยอดขายได้ตามเป้าหมาย จากการโหมระบายสต๊อกเก่าอย่างหนัก มาถึงไตรมาส 2 ก็ยังคงมีการระบายสต๊อกพร้อมกับการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ มากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันยิ่งดุเดือดตามที่นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) คาดว่า ตลาดในไตรมาส 2 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากความคึกคักของยอดขายในไตรมาสแรก และแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นช้า ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดมีมาก โดยเฉพาะตลาดบน และตลาดแนวราบ ส่วนการแข่งขันนั้น เชื่อว่าจะเข้มข้นขึ้นอีก จากโครงการที่ทยอยเปิดตัวมากขึ้น ส่วนตลาดกลาง-ล่าง ยังคงทรงตัว เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีปัญหาสภาพคล่อง
สอดคล้องกับนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มองว่าไตรมาส 2 นี้ คอนโดมิเนียมในตลาดบนระดับราคา 2-3 ล้านบาทต่อหน่วย แข่งขันกันดุเดือดทั้งด้านทำเล รูปแบบ และราคา เนื่องจากปัจจุบันตลาดกลาง-ล่างลงมา แทบไม่มีบริษัทรายใดเปิดตัว เพราะกำลังซื้อติดหล่มปัญหาหนี้ครัวเรือน
จากการรวบรวมของ "ฐานเศรษฐกิจ" ในไตรมาส 2 บมจ.แอล.พี.เอ็น.วางแผนเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ เป็นโครงการแนวสูงทั้งหมด มี 3 โซนได้แก่ โซนสุทธิสาร มูลค่า 1,200 ล้านบาท โซนวิภาวดีรังสิต-จตุจักร (วิภาวดีรังสิต ซอย 3) เป็นโครงการมิกซ์ยูส คอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และโครงการที่รุ่งประชา (โซนปิ่นเกล้า) มูลค่า 1,200 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 7,400 ล้านบาท
บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เตรียมเปิดใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ทำเล "CENTRO รังสิต คลอง 4-วงแหวน" มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท "CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก" มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท และทาวน์โฮม "บ้านกลางเมือง วัชรพล" มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,130 ล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการบริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 2 มีแผนเปิดโครงการใหม่เฉพาะแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ ในรูปแบบ แบรนด์เดิม ทำเลเดิม รวม 5 โครงการ รวมมูลค่า 7.3 พันล้านบาท เน้นจับลูกค้ากลุ่มกลางบน และกลุ่มกลางล่าง เนื่องจากพบกำลังซื้อยังคงมี และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมามากนัก แต่ปัญหาคือ ดีมานด์มีข้อจำกัด ประกอบกับมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆเข้ามาในตลาดมากขึ้น จำเป็นต้องแข่งขัน ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มลูกค้าตลาดล่าง ที่พบมีดีมานด์จำนวนมาก แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง การกู้ขอสินเชื่อ มียอดยกเลิกจองจำนวน มาก ส่วนการแข่งขันของตลาดในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะมีความดุเดือดต่อเนื่อง จากยอดขายที่คึกคัก ในไตรมาสแรก และโครงการที่เปิดใหม่กันจำนวนมาก หลังจากแต่ละค่ายโหมการแข่งขันกันด้วยราคา แต่ไตรมาส 2 นี้น่าจะมีการเน้นมาที่ตัวโปรดักต์กันมากขึ้น พร้อมคาดว่าตลาดอสังหาฯทั้งปี 2561 จะโตได้ 5-10%