เอพี ชิงตลาดแนวราบ ชี้พฤติกรรมคนซื้อเปลี่ยนไว เชื่ออสังหาโตห่วงการเมืองระยะสั้น
เอพี ชี้อสังหาฯ ต้องปรับตัวไว ระบุปีนี้ตลาดแนวราบมาแรง เดินหน้าเปิด 31 โครงการ 3 หมื่นล้าน
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการแข่งขันกันรุนแรงและผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในปีนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบมาแรง เนื่องจากเมืองขยายตัวเนื่องจากมีการเดินหน้ารถไฟฟ้าหลายเส้นทางจึงทำให้ความต้องการโครงการแนวราบมากขึ้นตามไปด้วย ในปีนี้บริษัทจึงเปิดโครงการแนวราบทั้งปี 31 โครงการ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนเปิด 20 โครงการ ส่วนโครงการแนวสูงเปิด 4 โครงการ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะเปิดเพิ่มได้ถึง 2.9 หมื่นล้านบาท
"วันนี้ตลาดเปลี่ยนไป ต้นทุนที่ดินเปลี่ยนไปมากจากอดีตเคยคิดเป็น 20% ของต้นทุนการพัฒนาปัจจุบันขยับเพิ่มสูงขึ้นมาก คอนโดนั้นสูงถึง 50-60% ของต้นทุนการพัฒนาแล้ว ปัจจุบัน สูงถึง 30-40% แล้วกระทบกับแนวทางการพัฒนาโครงการที่จะเห็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นเป็นตลาดขายดี ราคาขายส่วนใหญ่ราคาสูงกว่า 2.5 ล้านบาท/ยูนิต ทาวน์เฮาส์ ราคา 1 ล้านปลายๆ ไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว" นายอนุพงษ์ กล่าว
ด้าน นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ความต้องการบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-15 ล้านบาทขึ้นไปนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง เห็นได้จากอัตราการเติบโตด้านยอดขายสินค้าแนวราบในไตรมาสแรกของบริษัทในปีนี้มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 64% หรือเท่ากับ 5,200 ล้านบาท ชี้ให้เห็นถึงความต้องการจริงจากลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าที่วางแผนขยายครอบครัว กลุ่มวัยทำงานที่มีรายได้มากขึ้น และต้องการขยับจากการอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมาเป็นบ้านเดี่ยวทำเลที่มีความสะดวก
สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ เซนโทร ที่จะเปิดขายในไตรมาส 2 นี้ 2 ทำเล ได้แก่ โครงการเซนโทร รังสิต คลอง 4-วงแหวน บนขนาดที่ดินประมาณ 61 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน จำนวน 279 หลัง ราคาเริ่มต้น 2.95-4.75 ล้านบาท และโครงการเซนโทร ราชพฤกษ์-สวนผัก บนที่ดิน 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน จำนวน 176 หลัง ราคา เริ่มต้น 7.2-12 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะใช้งบซื้อที่ดินจำนวน 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมโครงการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โดยล่าสุดใช้งบซื้อที่ดินจำนวน 2,500 ล้านบาท ถนนเพชรบุรี 14 เนื้อที่ 3 ไร่เศษ เพื่อพัฒนาเป็นโครงการคอนโดระดับราคา 2 แสนบาท/ตารางเมตร ซึ่งจะเป็น 1 ใน 4 โครงการแนวสูง ที่จะเปิดตัว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 2.81 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการที่พัฒนาเอง 2.4 หมื่นล้านบาท และรายได้จากการร่วมทุนอีก 4,000 ล้านบาท โดยรายได้รวมจะเติบโตจาก 2.53 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายได้จากการพัฒนาโครงการของบริษัทจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท และรายได้จากการร่วมทุนอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ นั้นยังเติบโตได้ดี ตลาดคอนโดจะต้องพิจารณาเป็นรายทำเลไปว่าโซนไหนเสี่ยงล้นตลาด โดยประเด็นที่จะต้องจับตาคือความวุ่นวายทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ที่อาจจะมีการแบ่งเป็นฝักฝ่ายที่จะกระทบ