สิงห์เอสเตท เจาะตลาดฮ่องกงตลาดวิลลาภูเก็ตเฟื่องปี60พุ่ง21%
Loading

สิงห์เอสเตท เจาะตลาดฮ่องกงตลาดวิลลาภูเก็ตเฟื่องปี60พุ่ง21%

วันที่ : 23 เมษายน 2561
สิงห์เอสเตท เจาะตลาดฮ่องกงตลาดวิลลาภูเก็ตเฟื่องปี60พุ่ง21%

นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่ทาง บมจ.สิงห์ฯ ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรี ดิ เอส สุขุมวิท 36 เมื่อช่วงปลายปี 2560 ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับทางฮ่องกง แลนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับเอเชีย โดยที่ผ่านมาถือได้ว่าได้รับความสนใจจับจองโครงการจากกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

"ปี 2561 นี้ ได้วางแผนนำโครงการออกงานโรดโชว์ที่ต่างประเทศตลอดทั้งปี ประเดิมงานแรกของปีด้วยการออกโรดโชว์โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ที่ฮ่องกงเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มนักลงทุนฮ่องกงถือว่าเป็นตลาดหลักสำคัญที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย รวมถึงยังมีฐานลูกค้าที่มาจากพาร์ตเนอร์อย่าง ฮ่องกง แลนด์ โดยรวมยอดขายจากโรดโชว์ 2 วันอยู่ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งทำให้ขณะนี้โครงการฯ มียอดขายรวมแล้วกว่า 60% โดยมีสัดส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติ 20% ของทั้งโครงการ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศให้ได้ถึง 40% อีกทั้งคาดว่าปีนี้จะมีการนำโครงการออกโรดโชว์อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งยังคงมุ่งไปยังประเทศในแถบเอเชียเป็นหลัก" นายณัฐวุฒิ กล่าว

ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ดิ เอส อโศก และดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์  ทั้ง 2 โครงการมียอดขายรวมแล้วกว่า 85%

"ทั้งนี้โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี สูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 12.3 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ตุลาคม 2563" นายณัฐวุฒิ กล่าว

ตลาดวิลล่าภูเก็ตเฟื่องปี 61 พุ่ง 21%

ด้านการรายงานฉบับล่าสุดโดยแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับ โลก พบว่า ในปี 2560 ยอดขายวิลลาในภูเก็ตอยู่ที่ 155 หลัง ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 21% โดย 90% ของยอดขายวิลลาทั้งหมดในปี 2560 เป็นวิลลาในตลาดระดับกลาง-ล่างซึ่งมีราคา 5-35 ล้านบาท

แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่า ยอดขายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ทั้งในตลาดวิลลาและคอนโดมิเนียมตาก อากาศเป็นการซื้อเพื่อการลงทุนหรือเพื่อก่อให้เกิดรายได้ โครงการส่วนใหญ่เสนอแผนการปล่อยเช่าที่มีการรับประกันผลตอบแทนที่ 5-7% ต่อปีเป็นระยะเวลา 2-5 ปี โดยกลุ่มผู้ซื้อที่พักตากอากาศ ในภูเก็ต 3 อันดับแรกมาจากไทย ยุโรป และจีน

นางสาวประกายเพชร มีชูสาร ผู้อำนวยการ แผนกซื้อขายบ้านพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศ ไทย กล่าวว่า ยอดขายในตลาดระดับลักชัวรี ซึ่ง มีราคาตั้งแต่ 90 ล้านบาทขึ้นไปต่อหลังสำหรับวิลลา และ 20 ล้านบาทขึ้นไปต่อยูนิต สำหรับคอนโด- มิเนียมนั้นมีไม่มากนัก แต่ซีบีอาร์อีมั่นใจว่าตลาดลักชัวรียังคงได้รับความสนใจอยู่ โดยเห็นได้จาก ยอดขายวิลลาจำนวนสองหลังในโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส บาย อนันตรา และจำนวนหนึ่งหลังในโครงการอวาดีน่า ฮิลส์ บาย อนันตรา ซึ่งมีราคาอยู่ในระดับ 200-500 ล้านบาทในปี 2560

"ในปี 2561 ซีบีอาร์อีเชื่อว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้เกิดความต้องการในตลาดอสังหาฯภูเก็ต ทั้งในตลาดที่พักตากอากาศและตลาดโรงแรม โดยตลาดที่พักตากอากาศในระดับกลาง-ล่างจะยังคงเป็นตลาดที่มีผู้ซื้อเป็นนักลงทุนเป็นหลักอยู่ต่อไป สำหรับตลาดระดับบน ยังมีโอกาสอยู่ แต่ต้อง พัฒนาโครงการให้ตรงความต้องการของลูกค้า"

 
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ