เศรษฐกิจไทยแกร่ง อสังหาฯครึ่งปีโตต่อ
Loading

เศรษฐกิจไทยแกร่ง อสังหาฯครึ่งปีโตต่อ

วันที่ : 19 เมษายน 2561
เศรษฐกิจไทยแกร่ง อสังหาฯครึ่งปีโตต่อ

เอกชนทบทวนเป้าจีดีพี

สศค.คงเป้าเศรษฐกิจปี 61 ที่ 4.2% แม้เจอแรงกดดัน ทั้งสงครามการค้า ปัญหาในซีเรีย เหตุตัวเลขไตรมาสแรกโตเกินคาด ทั้งภาคส่งออก-ท่องเที่ยว ด้านเอกชนมองต่าง สงครามการค้ากดดันส่งออก ปรับเป้าเหลือ 3.7% ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวโน้มดีขึ้น ทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดขายและยอดโอนที่เพิ่มขึ้น

นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สศค.ยังคงเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2561 ไว้ที่ 4.2% เพราะตัวเลขไตรมาส 1 ที่ออกมาดีกว่าคาดมาก ทั้งการส่งออกที่ขยายตัวสูงถึง 17.7% จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเกินเป้าหมาย ยอดการเบิกจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น สะท้อนว่าไตรมาสแรกยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่กดดัน และข่าวดีคือไทยไม่ติดในรายชื่อที่สหรัฐฯระบุว่า แทรกแซงค่าเงินเพื่อผลทางการค้า

ส่วนปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯนั้นไม่กระทบต่อสินค้าไทยโดยตรง ขณะที่สงครามที่เกิดขึ้นในซีเรียถือว่ายังห่างไกลจากไทยมากและไทยไม่ได้ซื้อน้ำมันจากซีเรีย

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2561 ฟื้นตัวต่อเนื่องที่ 3.9% ตามแรงส่งของภาคการส่งออก ภาคท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐ แต่ไทยยังเผชิญปัจจัยภายนอกที่เหนือการควบคุม 3 ด้านด้วยกันไม่ว่าจะเป็นกระแสกีดกันทางการค้า ซึ่งกระทบทั้งในระดับรายสินค้าและรายประเทศคู่ค้า โดยมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศจีนที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในปี 2560 สูงถึง 3.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯและเผชิญกระแสการโยกย้ายเงินทุน ในช่วงที่รอความชัดเจนจากประเด็นการค้า อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าสวนทางกับเงินสกุลเอเชียและเงินบาท

อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยชัดเจนขึ้น อาจส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายให้เป็นไปอย่างรวดเร็วกระทบต่อค่าเงินและสินทรัพย์ทั่วโลกให้ผันผวน และสุดท้ายกระแสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศแกนหลักของโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯจะมีผลต่อทิศทางผลตอบแทนในตลาดการเงินโลกและไทยได้

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 จากเดิม 4.0% เหลือ 3.7% เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างที่คาดการณ์ไว้ เพราะขาดความเชื่อมั่นหลังจากเลื่อนการเลือกตั้งจากเดิมที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้เป็นต้นปี 2562 ส่งผลให้ภาคเอกชนตัดสินใจเลื่อนการลงทุนออกไปเป็นปีถัดไป เพื่อรอความชัดเจน ซึ่งสะท้อนการปรับลดการลงทุนของภาคเอกชนจาก 3.8% เหลือ 2.5% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับลดจาก 3.4% เหลือ 3.1% ส่วนการบริโภคภาครัฐลดลงจาก 3.5% เหลือ 3.3%

ขณะเดียวกันที่สงครามทางการค้าถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากไทยเป็นห่วงโซ่การส่งออกหากสถาน การณ์รุนแรง โดยสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขึ้นกำแพงภาษีชัดเจน จะมีผลทำให้ภาคส่งออกไทยได้รับผลกระทบพ่วงไปด้วย จึงปรับการเติบโตของส่งออกปีนี้เหลือในรูปเงินบาท เติบโตเพียง 5.5% จากเดิมที่คาดเติบโต 5.6% แต่หากดูการส่งออกในรูปสกุลเงินดอลลาร์ยังเติบโตอยู่ที่ 7.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.5%

ไตรมาสแรกปีนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดขายและยอดโอนที่ขยายตัวเพิ่ม จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างหนักและต่อเนื่อง เร่งกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ณ ไตรมาสแรกปี 2561 เอพี สามารถ สร้างยอดขายได้แล้วถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 168% โดยสินค้าแนวราบเติบโตสูงถึง 64% หรือเท่ากับ 5,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมโตถึง 770% หรือเท่ากับ 4,800 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ 33,500 ล้านบาท

"เชื่อว่ากำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไม่มากนัก สำหรับภาพรวมตลาดในไตรมาส 2 เชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้นกว่าในไตรมาสที่ผ่านมาด้วยจำนวนโครงการใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวมากขึ้น และด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี"

ขณะที่นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริม ทรัพย์ไทย กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2561 โดยรวมการยื่นขอกู้ กับยอดการโอนในโครงการต่างๆนั้น ยังคงมีทิศทางสอดคล้องกัน โดยเฉพาะกลุ่มตลาดบนเป็นไปอย่างคึกคัก สำหรับโครงการเปิดใหม่นั้น พบส่วนใหญ่โครงการถูกพัฒนาเพื่อเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น เช่น ชาวจีน ขณะเดียวกันบริษัทผู้พัฒนาจะมีการควบรวมหรือร่วมทุนกับต่างชาติมากขึ้น

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ