เนอวานา ไดอิ ชูรับสร้างบ้านขยายตลาด
โชคชัย สีนิลแท้
เนอวานา ไดอิ บุกอสังหา ผนึกพันธมิตรเจ้าของที่ดินร่วมขยายตลาดบ้านหรู 20 ล้าน ประเดิมจังหวัดแถบ หัวเมืองอุดรธานี ชลบุรี รับดีมานด์พุ่ง
การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวัน จะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องเร่งปรับตัว โดยเน้นไปตลาดระดับกลาง-บน รวมไปถึงหาพันธมิตรร่วมทุนพัฒนาโครงการ
ศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ เปิดเผยว่า แผนการพัฒนาโครงการในปี 2561 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ที่เริ่มเปิดใช้บริการตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2560 ซึ่งเดิมบริษัทมีที่ดินบริเวณดังกล่าว 230 ไร่ โดยได้ซื้อเพิ่มอีก 75 ไร่ จากบริษัท บางกอกแลนด์ รวมเป็นที่ดินจำนวน 305 ไร่
สำหรับที่ดินทั้งหมดบริเวณถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ วางแผนไว้ว่าจะพัฒนาโครงการประมาณ 9-10 โครงการ มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 5 โครงการ ทาวน์โฮม 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ และโครงการเชิงพาณิชย์ 1 โครงการ โดยบริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการแรกบนเนื้อที่ 19 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 เฟส คือ โครงการเนอวานา ดีฟายน์ ศรีนครินทร์-พระราม 9 เริ่มเปิดขาย 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นโครงการทาวน์โฮมขนาด 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 173 ยูนิต ราคา 7-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยเปิดเฟสแรก 30 ยูนิต มูลค่า 200 ล้านบาท คาดว่าจะโอนได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้า และเตรียมจะเปิดโครงการเนอวานา ดีฟายน์ ศรีนครินทร์-พระราม 9 เฟส 2 ในเดือน พ.ค.นี้ โดยทั้งปีนี้จะเปิดโครงการนี้จำนวน 3 เฟส ส่วนที่เหลืออีก 2 เฟส จะเปิดในปี 2562
ขณะที่ในช่วงปลายปีนี้จะเปิดโครงการอีก 40 ไร่ จะเริ่มพัฒนาโครงการเนอวานา บียอนด์ ซึ่งเป็นบ้านซีรี่ส์ใหม่ ราคา 25 ล้านบาทขึ้นไป จะพัฒนาบ้านได้ไม่เกิน 100 ยูนิต มูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท รวมถึงบริเวณด้านหน้าจะพัฒนา คอมมูนิตี้มอลล์เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกบ้านในโครงการ พร้อมกับมีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น ในรูปแบบแฟมิลี่คอนโดมิเนียม
"แนวทางการพัฒนาโครงการต้องมองดูที่ประโยชน์ของลูกค้าด้วยว่าซื้อไปแล้ว ไม่ผิดหวัง เริ่มจากพัฒนาโครงการบริเวณเลียบทางด่วนเกษตร-นวมินทร์ โครงการกัลปพฤกษ์จำนวน 3 เฟส พัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ติดถนนอ่อนนุช โครงการย่านพระราม 9 จะไม่เน้นสินค้าในเซ็กเมนต์ตลาดแมส อย่างโครงการทาวน์โฮมที่บริษัทพัฒนาสิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วคือ โครงการหน้ากว้าง เดินสายไฟฟ้าใต้ดิน ทำเลและการออกแบบที่ดี" ศรศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจะเปิดตัวธุรกิจรับสร้างบ้านแบรนด์ เนอวานา ในงานสถาปนิก'61 ระหว่างวันที่ 1-6 พ.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี หลังจากที่บริษัทได้หยุดทำการตลาดไป 1 ปี เนื่องจากต้องการปรับแบรนด์สินค้าใหม่ จากเดิมที่เคยใช้แบรนด์กินซ่า เบื้องต้นจะมีการเปิดศูนย์รับสร้างบ้าน 3 ศูนย์ จะเปิดที่บริเวณพระราม 9 อ่อนนุช และเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยตั้งเป้ารับงานปีนี้ 400 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ กว่า 100 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการแบรนด์ เนอวานา ดีฟายน์ ในทำเลอื่นๆ ในกรุงเทพฯ และปีนี้จะได้เห็นแบรนด์เนอวานา บียอนด์ ซึ่งเป็นบ้านซีรี่ส์ใหม่ใน จ. อุดรธานี บนเนื้อที่ 10 ไร่ เป็นการพัฒนาร่วมกับเจ้าของที่ดิน พัฒนาบ้านเดี่ยวต่อยูนิตราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาในกรุงเทพฯ ศรีราชา จ.ชลบุรี และ จ.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งทุกโครงการจะพัฒนารูปแบบร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินทั้งหมด เป็นการแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เหมือนกับการรับสร้างบ้านจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัทจะทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการ ซึ่งการพัฒนาโครงการในรูปแบบร่วมทุนนี้ จะทำให้แบรนด์เนอวานาเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงยังพิจารณาอีกหลายแบรนด์บ้านอื่นๆ เช่น ไอคอน หรืออินโทร ที่จะไปพัฒนาในทำเลที่มีความเหมาะสม แต่เน้นเฉพาะบ้านเดี่ยวเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสามารถแยกสัญญาก่อสร้างได้เป็นรายแปลงได้
ศรศักดิ์ กล่าวว่า การเลือกผู้ที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาจะพิจารณาจากแปลงที่ดินเป็นหลัก เนื่องจากไม่ต้องการ ให้ลูกค้าเผชิญกับปัญหาบ้านที่ไม่ได้ คุณภาพ ซึ่งการใช้แบรนด์เนอวานานั้น จะเป็นตัวช่วยขยายธุรกิจรับสร้างบ้านให้กับบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ มูลค่า 5,000 ล้านบาท อุดรธานี 1,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมย่านรัตนาธิเบศร์บริเวณสถานีบางรักใหญ่ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท/ยูนิต จำนวน 1,000 ยูนิต 3,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายรวมปีนี้อยู่ที่ 5,600 ล้านบาท
เหล่านี้คือการเดินหน้ารุกตลาด ระดับกลาง-บน โดยที่สภาพเศรษฐกิจกระทบน้อยกับกำลังซื้อลูกค้ากลุ่มนี้