ไอร่า จัดทัพธุรกิจใหม่ต่อยอดการเงินสู่พร็อพเพอร์ตี้
Loading

ไอร่า จัดทัพธุรกิจใหม่ต่อยอดการเงินสู่พร็อพเพอร์ตี้

วันที่ : 9 เมษายน 2561
ไอร่า จัดทัพธุรกิจใหม่ต่อยอดการเงินสู่พร็อพเพอร์ตี้

อาชวินท์ สุกสี

กรุงเทพธุรกิจ

ธุรกิจการเงินถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง โดยปัจจุบันการแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธนาคารพาณิชย์ด้วยกันเองเท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการในกลุ่มนอนแบงก์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA เป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจร และ ยังขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตและรองรับความต้องการของลูกค้า

โดย นลินี งามเศรษฐมาศ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะต่อไปก็คือการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัท ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการ "Spring Tower" อาคารสำนักงานให้เช่า เกรดเอ สูง 27 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณสี่แยก ราชเทวี มูลค่าโครงการกว่า 2.5 พันล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในเดือนพ.ย. 2562 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างเลือกสถานที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3 นี้

หลังจากนั้นจะนำทั้ง 3 อาคาร ขายเข้า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ภายในไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ปี 2563 มูลค่าโครงการรวมกันเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

เธอ บอกว่า การที่กลุ่มไอร่าตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองว่าความต้องการอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองยังมีอยู่มาก แม้ปัจจุบันจะมีอาคารใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่อัตราพื้นที่ว่างยังค่อนข้างต่ำไม่ถึง 10% และในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้ความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานมีมากขึ้น

อีกหนึ่งธุรกิจที่คาดว่าผลประกอบการ ปีนี้จะเริ่มทำกำไรได้ก็คือ สินเชื่อบุคคล "A Money" ภายใต้บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าเกือบ 4 แสนราย และปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท โดยมีจุดให้บริการมากกว่า  100 สาขาทั่วประเทศ และได้เพิ่มช่องทางกดเงิน ร่วมกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารพันธมิตรได้แก่ ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย อีกมากกว่า 2 หมื่นตู้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

และในปีนี้จะเน้นการทำการตลาดเชิงรุก ผ่านโซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งนำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ  โดยปัจจุบันไอร่า แอนด์ ไอฟุล มีรายรับจาก ดอกเบี้ยเข้ามากว่าหลักร้อยล้านบาทต่อเดือน  และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ภายในช่วงปลายปี 2562 และเข้าซื้อขายในปี 2563

นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ในเครือเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร อาทิเช่น ไอร่า แฟคตอริ่ง ซึ่งปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า ซึ่งทั้งสองบริษัทมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง  ส่วนไอร่า ลีสซิ่ง วางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2563, ไอร่า แอดไวเซอรี่ ให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ ครบวงจร, ไอร่า เวนเจอร์ แคปปิตอล สำหรับ การร่วมลงทุน, ไอร่า แอสเซท เมเนจเมนท์ ให้บริการด้านกองทุนรวมและกองทุน ส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตรในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

รวมทั้งยังมีการร่วมทุนกับ Travelex ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งมีสาขา มากกว่า 45 ประเทศทั่วโลก โดยมีแผนเข้ามา เปิดให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในเมืองไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยและขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยทำให้ชื่อเสียงของไอร่าเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น

"ไอร่าเป็นเหมือน One Stop Service ที่มีบริการทางการเงินครบวงจร ลูกค้า มาที่เดียวจบไม่ว่าจะต้องการแหล่งเงิน หาผู้ร่วมทุน เอาเงินไปลงทุนเพิ่ม ไม่มี สภาพคล่องก็มาหาเราได้"

นลินี บอกว่า การลงทุนของกลุ่มไอร่าขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยที่หลายธุรกิจเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างกัน รวมทั้งยังช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบพื้นฐานต่างๆ  ที่บริษัทอาจไม่ชำนาญ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ ของพันธมิตรเข้ามาช่วยพัฒนา

ทั้งนี้ เธอคาดว่า ภายในปี 2563 โครงสร้าง ธุรกิจของกลุ่มไอร่าจะมีความมั่นคงขึ้นถือเป็นปีทองของบริษัท โดยทุกธุรกิจที่ ได้ลงทุนไปจะเริ่มสร้างผลตอบแทนกลับคืนมา  ประกอบกับเป็นช่วงที่บริษัทลูกค้าจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ฐานะการเงินของกลุ่มไอร่าแข็งแกร่งขึ้น "ตอนนี้เราอยู่ในช่วงการลงทุนเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว สิ้นปีนี้จะเริ่มเห็นภาพมากขึ้น ปี 2562 จะเริ่มจับต้องได้ และปี 2563 จะเป็นไฮไลต์ของเรา เป็นปีทองที่ต้องเปิดเครื่องรับเงินที่เราได้ลงทุนไป ทุกอย่างจะกลับ เข้ามาหมด บริษัทในกลุ่มก็จะเข้าตลาดพอดี"

เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะที่เป็น นักการเงินมาตลอดชีวิตการทำงาน 35 ปี ทำให้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเงินของไทยมาโดยตลอด ซึ่งจากประสบการณ์ในอดีตและรากฐานที่แข็งแกร่งจะทำให้อุตสาหกรรมผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปได้ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยเช่นกัน

"เราต้องการให้ไอร่ามีบริการที่ครบวงจร ลูกค้ามาหาเราแล้วจบในที่เดียว" นลินี งามเศรษฐมาศ

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ