อสังหาลุ้น5ปัจจัยเสี่ยง อีสเทอร์นสตาร์ฯคาดปีนี้ดีเปิด3โครงการ4,000ล.ดันยอดโต50%
อีสเทอร์นสตาร์ฯ ชี้ 5 ปัจจัยลบที่อสังหาฯ ต้องระวัง แต่เชื่อปีนี้เศรษฐกิจรวมโตช่วยธุรกิจขยายตัว เล็งเปิด 3 โครงการ 4,000 ล้าน โตกว่า 50%
นายต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจขยายตัวจะหนุนภาคอสังหาฯ แต่ยังคงต้องระมัดระวังเรื่อง 1.หนี้ภาคครัวเรือนเทียบจีดีพีที่ยังมีสัดส่วนสูง 2.สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและการ ปฏิเสธสินเชื่อ 3.ราคาพืชผลการเกษตรยังไม่ฟื้นตัว 4.ระดับราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 5.มาตรการผ่อนปรนปัญหาแรงงานที่จะครบกำหนดในสิ้นไตรมาสแรก ปัจจัยลบเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ได้
อย่างไรก็ตาม จากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปีนี้ที่จะมีการเติบโตต่อเนื่อง จากการส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวดี การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐยังเดินหน้าต่อ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนเชื่อมวงแหวน โครงการอีอีซีที่ชัดเจนขึ้น เรื่องผังเมืองและแผนการพัฒนาด้านคมนาคม ที่เป็นปัจจัยเอื้อต่อการขยายตัวของ ภาคอสังหาฯ
"ดังนั้น ปีนี้บริษัทจึงมีแผนที่จะเปิดตัวอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายที่ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อน และเป้ารายได้ที่ 2,000 ล้านบาท จากปีที่ 2560 ที่บริษัทมียอดขายรวมราว 1,026 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ราว 2,516 ล้านบาท" นายต่อศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดจะเปิดขายโครงการแรกในช่วงกลางปีนี้ภายใต้แบรนด์เวลาน่า (VELANA) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ เวลาน่ากอลฟ์เฮาส์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ภายในสนามกอลฟ์ อีสเทอร์น สตาร์ แอนด์ รีสอร์ท อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ติดสนามบินอู่ตะเภา มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท จำนวน 98 หลัง บนพื้นที่ 24 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยเริ่ม 164-242 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
สำหรับอีก 2 โครงการอยู่ในกรุงเทพฯ พัฒนาทั้งแนวราบและสูง มูลค่ารวมราว 3,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดโลว์ไรส์ บนทำเลเอกมัย พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ครึ่ง 300-400 ยูนิต ราคาขายเริ่ม 3-5 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ส่วนอีกโครงการพัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ทำเลย่านพัฒนาการ พื้นที่ 21 ไร่ ราคาขายเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวประมาณไตรมาส 3 และ 4
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมงบกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ และระยองสำหรับพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนแลนด์แบงก์ที่อยู่ในบ้านฉางเกือบ 1,000 ไร่ และที่ดินที่กรุงเทพฯ อีกราว 4-5 แปลงนั้น บริษัทได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาในทุกรูปแบบตามศักยภาพของที่ดินและโลเกชั่น หากเห็นว่าถึงเวลาก็นำมาพัฒนาได้ทันที
นายต่อศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำไม่ว่าจะเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่พักอาศัยให้เช่าและโรงแรมซีสตาร์ ซึ่งสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 1-2% ของพอร์ตรายได้ สำหรับปีนี้มีแผนพัฒนาบ้านเดี่ยวให้เช่าอีก 20-30 หลัง โดยลูกค้าหลักยังคงเป็นชาวต่างชาติมีสัดส่วนถึง 80-90% และคาดว่าสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้จะใกล้เคียงปีแล้ว เพราะมี การพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขายเพิ่มขึ้น
ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ปัจจุบันบริษัทมีอยู่ 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม ณ สิ้นปี 2560 ราว 8,900 ล้านบาท ขณะที่ แบ็กล็อกปัจจุบันมีราว 800-900 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด และสต๊อกพร้อมขายทั้งแนวราบ-สูงอยู่ราว 1,000 ล้านบาท ด้านกำลังซื้อผู้บริโภคระดับกลาง-บนยังตอบรับการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ดี