สิงห์ เอสเตท ก้าวสู่ โฮลดิ้ง คัมปานี ลุยลงทุนอสังหาฯ-รร.หวังปี63รายได้2หมื่นล.
Loading

สิงห์ เอสเตท ก้าวสู่ โฮลดิ้ง คัมปานี ลุยลงทุนอสังหาฯ-รร.หวังปี63รายได้2หมื่นล.

วันที่ : 27 มีนาคม 2561
สิงห์ เอสเตท ก้าวสู่ โฮลดิ้ง คัมปานี ลุยลงทุนอสังหาฯ-รร.หวังปี63รายได้2หมื่นล.

สิงห์ เอสเตท ประกาศนโยบายก้าวสู่ "โฮลดิ้ง คัมปานี" ลุยลงทุนโรงแรม-สำนักงาน-ที่อยู่อาศัย หวังรายได้ทะลุ 20,000 ล้านในปี 63 ล่าสุดทุ่ม 11,073 ล้านบาท ซื้อโรงแรม 6 แห่งใน 4 ประเทศ พร้อมเตรียมนำ "เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่การเป็น"พรีเมียร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ อินเวสต์เม้นท์ โฮลดิ้ง คัมปานี" พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า รีเทล และที่อยู่อาศัย

สำหรบปีนี้ ตั้งงบลงทุน 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการเอาท์ริกเกอร์ โฮเทลส์ ฮาวาย ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตจำนวน 6 แห่ง ใน 4 ประเทศ มูลค่า 11,073 ล้านบาท ได้แก่ โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ต จำนวน 253 ห้องพัก ซึ่งโรงแรมแห่งนี้มีพื้นที่ที่สามารถนำมาพัฒนาเพิ่มได้อีกกว่า 1,000 ไร่, โรงแรม แคสต์อเวย์ ไอส์แลนด์ ในประเทศฟิจิ จำนวน 65 ห้อง, โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน ภูเก็ต บีช รีสอร์ท จำนวน 255 ห้อง, โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท จำนวน 52 ห้อง, โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ประเทศ มอริเชียส จำนวน 181 ห้อง และโรงแรมเอาท์ ริกเกอร์ โคน็อตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท ประเทศมัลดีฟส์ จำนวน 53 ห้อง โดยบริษัทจะรับรู้รายได้ทันทีหลังชำระเงินและโอนกิจการในไตรมาส 2 ปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโครงการ "ครอสโร้ดส์" ในมัลดีฟส์ มูลค่าโครงการ เฟส 1 จำนวน 11,000 ล้านบาท พัฒนาเป็น Tourist Facilities Destination บนพื้นที่ยาว 7 กม. แบ่งเป็น 9 เกาะ ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ต จำนวน 390 ห้อง ราคา 350-55 ดอลลาร์สหรัฐ/คืน คาดอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% โดยจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน ต.ค.หรือ พ.ย. ในส่วนของ Township ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 5,000 คน/วัน  หากรวมการลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะส่งผลให้สินทรัพย์เติบโตเป็น 60,000 ล้านบาท

สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 61 จะพัฒนาเอง 3 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว สันติบุรี เรสซิเดนซ์ มูลค่า 6,000 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ระดับ ลักชัวรี่ ทำเลสุขุมวิท 43 และโครงการคอนโด มิเนียมอีก 1 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการหาที่ดิน โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 61 จากปัจจุบันอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท

นายนริศ กล่าวต่อว่า การซื้อกิจการ (M&A) บริษัทจะเน้นไปที่การซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล และไม่เน้นไปที่กลุ่มโรงแรมที่เป็นบิสซิเนส โฮเทลส์ เพื่อทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ประกอบกับบริษัทมองถึงการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้เข้ามาได้ทันที พร้อมกับช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50% ภายในปี 63 และผลักดันเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำเป็น 70% ในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% โดยจะมีจำนวนโรงแรมทั้งหมดในปี 63 มากกว่า 50 แห่ง จำนวนห้องพักมากกว่า 5,000 ห้อง

ขณะที่แนวโน้มของรายได้ในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,220 ล้านบาท และจะมีการรับรู้ รายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทเนอวานา ไดอิ (NVD) ซึ่งเป็นบริษัทลูก เข้ามามากกว่า 6,000 ล้านบาท นอก จากนี้ยังมีรายได้จากโรงแรม 6 แห่งของเอาท์ริกเกอร์ การเปิด ให้บริการของอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ ในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งมีอัตราการเช่า 60% ในปีนี้ การเริ่มทยอยโอนโครงการ The ESSE Asoke ในช่วงปลายปีนี้เล็กน้อย และการเปิดให้บริการ ของโรงแรม 2 แห่งของโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เฟส 1

ทั้งนี้ จะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรายได้มากขึ้นในปี 62 ซึ่งจะส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีรายได้แตะ 20,000 ล้านบาท เร็วกว่ากำหนดเดิมในปี 63 มาเป็นปี 62 เพราะในปี 61 บริษัทมีโรงแรมในเครือของเอาท์ริกเกอร์เข้ามาเสริมมากกว่าแผน 6 แห่ง ในปีเดียว จากเดิมจะมีโรงแรมใหม่เข้ามา 2 แห่ง/ปี ทำให้คาดว่ารายได้รวมที่ตั้งเป้าไว้ในปี 63 จะทำได้เร็วกกว่ากำหนดเดิม

"เรายังคงเดินหน้าขยายการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนมา Vission มาเป็น Premeir property development & investment holding company เพื่อทำให้ Vission ของเรากว้างขึ้น ไม่ได้เฉพาะการลงทุนแค่ในธุรกิจอสังหาฯเพื่อขายเท่านั้น แต่ลงทุนในอสังหาฯรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีควมหลากหลายมากกว่าเดิม ซึ่งครั้งนี้สิงห์ เอสเตท จะก้าวสู่การเป็น Holding Company และเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนกลับมาได้ทันทีเป็นหลัก"

 
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ