เอเวอร์แลนด์ ปรับพอร์ตลงทุน ทุ่ม2พันล.รุกแนวราบ4โครงการ
"เอเวอร์แลนด์" หันรุกตลาดบ้านแนวราบ เตรียมเปิดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เกือบ 2,000 ล้านบาท เผยแบล็กลอกคอนโดฯตุนในมือกว่า 9,400 ล้านบาท ปี 62 โตก้าวกระโดดรายได้ทะลุ 6,000 ล้านบาท
นายสวิจักร์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER เปิดเผยว่า ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจนทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูง ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก แม้ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
อย่างไรก็ตามในปี 2561 ภาพรวมเศรษฐกิจจะฟื้นตัว จากการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ การส่งออก และการท่องเที่ยว ส่งผลให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
จากที่บริษัทเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างขาย 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,400 ล้านบาท คือ 1.คอนโดมิเนียม เดอะ โพลิแทน ริฟ สูง 57 ชั้น จำนวน 2,351 ห้องชุด มูลค่าประมาณ 6,500 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาสแรกปี 2562
2.คอนโดมิเนียม เดอะ โพลิแทน บรีซ สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 587 ห้องชุด มูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2561 และเริ่มโอนในเดือนธ.ค.61 ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท และ3.คอนโดมิเนียม เดอะ โพลิแทน อควา สูง 61 ชั้น จำนวน 2,741 ห้อง มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 63 และโอนเดือนสิงหาคม2563 ล่าสุดมียอดจองแล้ว 3,400 ล้านบาท
จากที่เราพัฒนาเฉพาะคอนโดฯ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้พอร์ตเราเป็นคอนโดมิเนียมกว่า 95% ซึ่งการทำคอนโดฯจะใช้เวลาก่อสร้างนาน 1-3 ปี กว่าจะโอนและรับรู้รายได้ได้ ทำให้บริษัทยังขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ 96.24 ล้านบาทในปี 2558, 94.92 ล้านบาทในปี 2559 และในปี 2660 ขาดทุน 278 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายทำตลาด การก่อสร้าง รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
"ปีนี้คาดว่าผลการดำเนินงานจะเป็นบวก เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเดอะ โพลิแทน บรีซ จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มโอนธันวาคมปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขาย62 รับรู้รายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้ในปีถัดไป" นายสวิจักร์ กล่าว
บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เพราะก่อสร้างและรับรู้รายได้เร็ว เพื่อให้มีสัดส่วนเท่ากันระหว่างแนวราบกับแนวสูง 50:50 ภายใน 3 ปีจากนี้
ปีนี้มีแผนพัฒนาโครงการแนวราบ 4 แห่ง มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ย่านจตุโชติ พื้นที่กว่า 10 ไร่ แบรนด์ "มายโฮม อเวนิว" พื้นที่ 50 ตารางวา ราคา 3.5 ล้านบาท จำนวน 61 ยูนิต มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท เปิดตัวเดือนพฤษภาคม นี้
ส่วนอีก 3 โครงการจะเป็นทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" อยู่ในทำเลสุขสวัสดิ์,หนามแดง-วงแหวนและจตุโชติ ราคาขายตั้งแต่ 2.5-8 ล้านบาท
"ตอนนี้ตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ แข่งขันสูงมาก บริษัทจะเน้นพื้นที่แข่งขันน้อย แต่มีดีมานด์ เช่น พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลนนทบุรี ยังมีแลนด์แบงก์พัฒนาได้อีกประมาณ 2 เฟสๆ ละ 1 อาคาร ซึ่งผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้ว"
ในปีนี้บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาฯประมาณ 1,200-1,400 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลอีกกว่า 500 ล้านบาท