เปิด2ขุมทองสายสีน้ำตาลปลุกที่300ไร่เจ้าสัวเจริญ
ฟันธงสายสีน้ำตาลแรงกว่าชมพู
รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลบูมเชิงพาณิชย์-ตึกสูง ที่ดินเจ้าสัวเจริญ 300 ไร่ เกษตรฯ-นวมินทร์ รับอานิสงส์เต็ม แถมอยู่เขตผังเมืองสีแดงผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ได้ เอกชน-นักวิเคราะห์อสังหาฯ ประเมิน 2 จุดตัดมีศักยภาพสูงสุด คือลำสาลีบางกะปิ และแยกม.เกษตรฯ
คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร. เห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี ระยะทาง 22.1 กิโลเมตร เป็นสายที่ 11 บรรจุไว้ในแผนแม่บทการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือ M-Map 1 ส่งผลให้เกิดการพลิกหน้าดิน ทำเลทองใหม่ตลอดแนว เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหา- ริมทรัพย์ โดยเฉพาะแปลงที่ดินผืนใหญ่ที่ได้อานิสงก์มากที่สุดคือ ที่ดินของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ค่ายไทยเบฟฯ บริเวณถนนประเสริฐมนูกิจ
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลอยู่ระหว่างศึกษา คาดจะเสร็จในอีก 3 เดือน หรือเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งรถไฟฟ้าเส้นนี้มีศักยภาพสูง เชื่อมรถไฟฟ้าด้วยกันมากถึง 7 สาย 5 จุดตัด นอกจากรองรับปริมาณจราจรที่แออัดในหลายจุดแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้เอกชนได้มาก ขณะที่บางแปลงต้องยอมรับว่าจะถูกเวนคืน อย่างไรก็ดี ทำเลบริเวณที่เจริญที่สุดจะเป็นรัศมีรอบสถานี ซึ่งมีประมาณ 18 สถานี
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนส์จำกัด บริษัทประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่า สายสีน้ำตาลมีศักยภาพสูงกว่าสายสีชมพู ช่วงแครายมีนบุรี เนื่องจากผ่านแหล่งงานและอยู่ในทำเลกรุงเทพฯชั้นกลาง โดยจุดตัดหรือสถานีร่วมที่มีศักยภาพมากที่สุด 2 จุดคือ บริเวณแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งตัดกับรถไฟฟ้าสีเขียวเข้มช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตถนนพหลโยธิน และจุดตัดลำสาลี-บางกะปิ ตัดกับสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี เนื่องจากเป็นชุมชนใหญ่ และผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครปัจจุบัน เอื้อประโยชน์ให้พัฒนาตึกสูง
ส่วนบริเวณอื่นผังเมืองยังกำหนดให้เป็นพื้นที่สีเหลือง หรือที่ดินประเภทอยู่อาศัยหนาแน่นน้อย พัฒนาได้เฉพาะแนวราบอาคารขนาดไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร ตลอดแนวถนนเกษตรฯนวมินทร์ ยกเว้นแปลงที่ดินของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี บริเวณ แยกลาดปลาเค้า เนื้อที่ 300 ไร่ ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง หรือพาณิชยกรรม สามารถพัฒนาศูนย์การค้า โรงแรม ที่อยู่อาศัย รูปแบบมิกซ์ยูสได้ หากยิ่งมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลผ่าน ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับที่ดินแปลงดังกล่าว อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ ที่ดินของเจ้าสัวเจริญได้ตอกเสาเข็มไว้เตรียมสร้างศูนย์การแสดงสินค้า โรงแรม แต่ได้ชะลอไป
นายวสันต์วิเคราะห์ว่า อนาคตผังเมืองกทม.ใหม่ จะปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณสถานีสายสีน้ำตาลจากแนวราบเป็นอาคารสูง ทำให้ที่ดินหัวมุมราม อินทรา ถนนเกษตรฯ-นวมินทร์ ราคาขยับขึ้น จากปัจจุบันราคา 2 แสนบาทต่อตารางวา แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องพัฒนาเป็นบ้านหรู โฮมออฟฟิศ ทาวน์โฮม ราคาแพงแทน อาทิ ซอยศรีวรา ซอยนาคนิวาส เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา แยกเสนา ฯลฯ ราคาต่อหน่วย 5-60 ล้านบาท ยิ่งเมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีเทา วิ่งจากซอยวัชรพลตัดสายสีน้ำตาล บริเวณเลียบด่วนรามอินทราก่อนไปทองหล่อ ยิ่งช่วยเสริมการเดินทางและการพัฒนาได้เป็นอย่างดี
สำหรับราคาที่ดินบริเวณโซนแยกมหาวิทยาลัยเกษตรฯเสนา พหลโยธิน ราคา 4-5 แสนบาทต่อตารางวา, เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา 2-3 แสนบาทต่อตารางวา ทำเลสุขาภิบาล 1 แยกลำสาลี ตลาดบางกะปิ ราคา 2-3 แสนบาทต่อตารางวา
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีการพัฒนาโครงการแนวราบบริเวณถนนเกษตรฯ- นวมินทร์บ้างแต่ไม่มาก ขณะเดียวกัน ยังวางแผนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร รามอินทราเชื่อมสายสีชมพู มองว่าอนาคตรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล และสีชมพู จะดันราคาที่ดินแพงขึ้นนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องรอให้รถไฟฟ้าสายดังกล่าวเกิดขึ้นก่อน ถึงจะตัดสินใจซื้อที่ดิน พัฒนาคอนโดมิเนียม แต่ปัจจุบันเน้นสายที่เปิดให้บริการ