อสังหาภูธรวูบ บิ๊กเนมบี้หนัก
Loading

อสังหาภูธรวูบ บิ๊กเนมบี้หนัก

วันที่ : 7 มีนาคม 2561
อสังหาภูธรวูบ บิ๊กเนมบี้หนัก

ขาใหญ่สบช่องตลาดยังโต

อสังหาฯรายเล็กภูธรอ่วม บิ๊กเนมบุกกินรวบตลาดแนวราบรับโครงสร้างพื้นฐาน-เมกะโปรเจ็กต์รัฐ ศุภาลัยลุยมากสุดปีนี้ 13 โครงการ 12 จังหวัด พฤกษาไม่น้อยหน้าปักธง 10 โครงการเจาะหัวเมืองใหญ่-อีอีซี

ผู้ประกอบการอสังหาฯรายเล็กในหัวเมืองหลัก และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาค ตะวันออก หรืออีอีซี กำลังประสบปัญหา เมื่อผู้ประกอบการชั้นนำที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นค่ายใหญ่อย่าง ศุภาลัย แสนสิริ พฤกษาเรียลเอสเตท เข้าไปปักหลักพัฒนาที่อยู่ อาศัยแนวราบ โดยอาศัยความ ได้เปรียบทั้งแหล่งเงินทุนประสบ การณ์ ความชำนาญ ชื่อเสียง ในการทำการตลาดส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่านับจากมีโครงการ อีอีซี ส่งผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเข้ามาเจาะตลาดในพื้นที่มากขึ้น อาทิ ศุภาลัย, พฤกษา ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็กในพื้นที่ ขณะที่รายใหญ่เจ้าถิ่น แม้ไม่มีปัญหาเงินทุน แต่ก็ต้องปรับตัวโดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่ เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ จึงทำให้รักษาตลาดไว้ได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าบริษัทใหญ่ได้เปรียบเรื่องเงินทุนจึงสามารถชิงซื้อที่ดินที่อยู่ในความสนใจได้เร็วกว่า

เช่นเดียวกับนางศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลาดา จำกัด บริษัทพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ "มาลาดา" ระบุว่า ที่เชียงใหม่ก็เป็นอีกจังหวัดที่มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ไม่ว่า แสนสิริ, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือศุภาลัย ฯลฯ ขยายตลาดมาที่นี่ ประกอบกับกำลังซื้อซบเซา 3 ปีติดต่อกัน ยิ่งทำให้บริษัทอสังหาฯรายเล็กในพื้นที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

"อสังหาฯท้องถิ่นต้องปรับตัว พัฒนาตามแนวโครงสร้างพื้นฐานรัฐ และมองหาทำเลใหม่ ที่บริษัทยังไม่เคยไป และเป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่ อาทิ อำเภอดอยสะเก็ด หรือโซนซุปเปอร์ไฮเวย์"

ด้านนายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า นอกจากพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว ศุภาลัยยังให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบในภูมิภาค ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เน้นทำเลติดถนนสายสำคัญ ใกล้แหล่งชุมชน โรงพยาบาล สถาบันศึกษา ศูนย์ราชการ

"ยอมรับว่าได้ซื้อที่ดินแพงกว่า บริษัทพัฒนาที่ดินท้องถิ่น 10% หรือ ตารางวาละ 20,000 บาท แต่บริษัทมีข้อได้เปรียบจากการร่วมมือกับสถาบันการเงิน ปล่อยกู้ให้ลูกค้าได้ 100% เช่น อุบลราชธานี ขยายการพัฒนามากถึง 4 โครงการ และล่าสุดเตรียมพัฒนาโครงการที่ 5 สะท้อนว่ากำลังซื้อมีสูง โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการ และคนจากสปป.ลาวที่แต่งงานกับคนไทยข้ามฝั่งมาซื้อ โดยราคาที่ขายดีจะอยู่ที่หน่วยละ 2-3 ล้านบาท"

นอกจากนี้ทำเลที่ขายดียังมี อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา ระยอง และล่าสุดได้พัฒนาโครงการแนวราบที่เชียงราย ยังไม่รวมที่ดินรอการพัฒนา อาทิ ลำปาง ทำเลไม่ห่างจากสถานีรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น อย่างไรก็ดี บริษัทเปิดโครงการขายทั่วประเทศรวม 140 โครงการ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศุภาลัย กล่าวเสริมว่า ทำเลภาคตะวันออกเฉียงเหนือเติบโตต่อเนื่อง ปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการใน 12 จังหวัด ซึ่งภูมิภาคยังขยายตัวได้อีกจากการขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐ

ส่วนนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเน้นพัฒนาโครงการแนวราบตามต่างจังหวัด ล่าสุดมีกว่า 10 โครงการ กระจายไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ และ 3 จังหวัดอีอีซี ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งการแข่งขันยังไม่สูงมากแต่มีกำลังซื้อซึ่งต้องจับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ระบุว่าบริษัทเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่มีแผนลงทุนในภูมิภาคเว้นแต่การลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราด ทั้งอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยและท่องเที่ยว

ขณะที่ บมจ.เอสซีแอสเสท ได้ออกมาระบุว่า เตรียมแผนพัฒนาโครงการแนวราบที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่งผลให้ บริษัทมารวยฯ เจ้าถิ่น ปรับแผนการตลาดพัฒนาโครงการแนวราบรับมือค่ายใหญ่เช่นกัน

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ