รายงาน: 10บิ๊กอสังหาฯหว่าน3.7แสนล. ปี61ลงทุนแข่งเปิด284โครงการ-เผยปี60กำไรเติบโต
ปี 61 สัญญาณตลาดอสังหาฯฟื้น บิ๊กอสังหาฯแห่เปิดโครงการใหม่รองรับกำลังซื้อ เผย 10 บริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาฯกางแผนเปิด 284 โครงการ มูลค่า 3.69 แสนล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2.9 แสนล้านบาท
ปี 2561 จะเป็นปีแห่งความหวังของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ชะลอตัวมาหลายปี สัญญาณการฟื้นตัวเริ่มตั้งแต่ช่วง ปลายปี 2560 ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ผู้ประกอบการต่างเร่งวางแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค หลังจากที่หลาย บริษัทเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2560 มาเปิดปีนี้ แทน จากการประกาศแผนลงทุนของ 10 บริษัทอสังหาฯราย ใหญ่พบว่าปี 2561 มีแผนพัฒนาถึง 284 โครงการ มูลค่ารวม กว่า 369,523 ล้านบาท มีเป้าหมายยอดขายรวม 290,842 ล้านบาท
* พฤกษาฯหวนคืนตลาดทาวน์เฮาส์
สำหรับแผนการลงทุนบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ประกาศเปิดตัวโครงการสูงสุดในตลาด 75 โครงการมูลค่ากว่า 66,700 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ 53,742 ล้านบาท ปีนี้พฤกษาหันมาให้ความสำคัญกับตลาดทาวน์เฮาส์ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่เดิม แต่ช่วงหลังมาหันไปบุกตลาดกลาง-บนมากขึ้นหลังจากที่กลุ่มลูกค้าตลาดกลาง-ล่างได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อ แต่ในปีนี้พฤกษาจะให้ความสำคัญกับโครงการทาวน์เฮาส์มากยิ่งขึ้นโดยปีนี้จะเปิด 44 โครงการมูลค่าโครงการ 27,900 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 60% ของพอร์ตสินค้า พร้อมตั้งหน่วยธุรกิจขึ้นมาดูแลโครงการประเภท ทาวน์เฮาส์โดยเฉพาะ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวเปิด 18 โครงการ มูลค่า 19,700 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม 5 โครงการมูลค่า 8,000 ล้านบาท และโครงการประเภทพรีเมียม 8 โครงการมูลค่า 11,100 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ 53,742 ล้านบาท
สำหรับในปี 2560 พฤกษามียอดขาย 47,536 ล้านบาท มีรายได้ 43,922 ล้านบาท และมีกำไร 5,454 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธสินเชื่อโดยในปีที่ผ่านมามีสูงถึงกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาได้พยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือให้ลูกค้าเหล่านี้มีสามารถกูซื้อบ้านได้
* เอพีชูธงติด 1 ใน 3 ผู้นำอสังหาฯ
อันดับ 2 เป็นบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ที่มุ่งก้าวสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำธุรกิจพัฒนาธุรกิจอสังหาฯไทย โดยในปี 61 เอพีมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่า 49,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด มิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 33,500 ล้านบาท และมีรายได้รวม 28,100 ล้านบาท ผ่านแผนการดำเนินงานใน 5 มิติสู่ความสำเร็จ คือ 1. สานต่อความสำเร็จกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท 2. เปิดตัวสินค้าระดับ Super Luxury 3. รุกตลาดสินค้าแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม 4. ขยายพอร์ตตลาดต่างประเทศ และ 5. พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
ส่วนการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท เข้าสู่ปีที่ 5 โดยปีนี้มีแผนที่จะพัฒนาคอนโดระดับกลางบนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ลงนามสัญญาร่วมทุนพัฒนาคอนโดใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือน มี.ค. จะเปิด ขายคอนโดร่วมทุนโครงการแรก คือ LIFE สุขุมวิท 62 โดย ณ ปัจจุบัน เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป พัฒนาคอนโด ร่วมกันทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่ารวม 73,000 ล้านบาท
ส่วนการเปิดตัวสินค้าระดับ Super Luxury ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS และคฤหาสน์หรูแบรนด์THE PALAZZO ในปีนี้ เอพีจะนำกลับมาพัฒนาอีกครั้ง เพื่อรองรับความต้อง การของลูกค้าระดับบน ที่มองหาที่อยู่อาศัยพรีเมียมในทำเลศักยภาพ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับรุกตลาดสินค้าแนวราบ จะเน้นสร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม โดยในปีนี้ทีม AP Design Lab จะสร้างความต่าง ทั้งด้านการดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน ภายในตัวบ้าน เพื่อตอบความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เอพีสร้างยอดขายรวม ทั้งคอนโดและแนวราบได้ 42,900 ล้านบาท ซึ่งเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นถึง 92% เมื่อเทียบกับปี 59 ที่ทำได้ 22,365 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจาการเปิดตัวสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม 22 โครงการใหม่ ซึ่งเติบโตทางยอดขายแล้ว ยังมาจากการเปิดตัวคอนโดแบรนด์ LIFEจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE ลาดพร้าว, LIFE วิทยุ และ LIFE อโศก-พระราม 9 ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ 90% ตลอดจนสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 90 โครงการ ที่มีส่วนสำคัญช่วยผลักดันยอดขายสู่ความสำเร็จ
* ศุภาลัยเดินหน้าบุกตลาดต่างจังหวัด
อันดับ 3 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือSPALI ปีนี้บริษัทตั้งเป้าสู่ "Sustainable Growth2018" โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในทำเล กทม.-ปริมณฑลและต่างจังหวัด และยังมีแผนเดินหน้าการลงทุนโครงการอสังหาริม- ทรัพย์ในต่างจังหวัด โดยได้มีการขยายการพัฒนาโครงการรวมแล้ว 12 จังหวัด ซึ่งจังหวัดล่าสุดที่เข้าไปลงทุนคือ จังหวัดเชียงราย ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 30% แบ่งเป็นแนวราบ 26% และคอนโดมิเนียม 4% ของเป้าหมายยอดขายรวม
สำหรับแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 35 โครงการ มูลค่ารวมโครงการกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 28% ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท
* โกลเด้นแลนด์เปิดอาณาจักรทาวน์ชิป
บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (มหาชน) (GOLD) หรือ โกลเด้นแลนด์ ปี61 ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง"การเพิ่มมูลค่า (Adding Value)"หลังจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กลุ่มทุนจากสิงคโปร์ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นของโกลเด้นแลนด์ตั้งแต่ปี 59 ซึ่งปัจจุบัน บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 39.9% ทำให้ความร่วมมือระหว่างกันเริ่มเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นทั้งด้านการร่วมลงทุน และการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ
โดยมีเป้าหมายรายได้ 17,800 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 34 โครงการมูลค่า 39,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอด ขาย 26,600 ล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาโครงการแนวราบระดับกลาง ได้แก่ บ้านเดี่ยว ราคา 7-10 ล้านบาท บ้านแฝดราคา 4-7 ล้านบาท และทาวน์โฮมราคา 2-4 ล้านบาท จะเป็นสินค้าหลักของโกลเด้นแลนด์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ คาดว่าในปี 61 งานก่อสร้างจะคืบหน้ากว่า 60%
นอกจากนี้ โกลเด้นแลนด์ ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการ ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ หรือทาวน์ชิป ซึ่งเป็นการพัฒนาโครง การที่อยู่อาศัยหลายโครงการภายในทาวน์ชิปเดียว โดยตั้งเป้าเปิด 3 โครงการมีการพัฒนาโครงการได้หลากหลาย รูปแบบในพื้นที่เดียวกัน ได้แก่ อาณาจักรบริติช อเวนิว ย่าน เกษตรนวมินทร์ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์, โกลเด้น เอ็มไพร์ ย่านสาทร-กัลปพฤกษ์ และฟีเรนเซ เอ็มไพร์ ย่านบางแค
ขณะเดียวกันโกลเด้นแลนด์ยังเดินหน้าขยายโครงการในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จากผลตอบรับเป็นอย่างดีของโครงการต่างจังหวัดโครงการแรก คือ โกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ ด้วยยอดขายในวันเปิดตัวทะลุ 700 ล้านบาท บริษัทจึงมุ่งเดินหน้าต่อ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในต่างจังหวัด โดยเน้นที่ดินทำเลในเมืองในจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น
* เพอร์เฟคเพิ่มน้ำหนักลงทุนแนวราบ
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ในปีนี้ยังคงให้น้ำหนักกับการขยายตลาดโครงการแนวราบเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีการมีแผนจะร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากฮ่องกง เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ในส่วนของกลุ่มบ้านเดี่ยว ขยับไปถึง 14,000 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะเสริมรายได้ในกลุ่มบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นปีละกว่า1,000 ล้านบาท โดยในปีนี้เพอร์เฟคมีแผนจะร่วมกันพัฒนาโครง การบ้านเดี่ยว 2 โครงการ เจาะกลุ่มตลาดระดับบนระดับไฮเอนด์ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่เพื่อจับเซ็กเมนต์ระดับบน ซึ่งจะมีราคาขายอยู่ในระหว่างบ้านเดี่ยวแบรนด์เพอร์เฟคเพลส กับแบรนด์เพอร์เฟค มาสเตอร์พีช เนื่องจากแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยระดับบนยังมีทิศทางที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง สังเกตได้จากโครงการระดับบนในตลาดที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
ในปีนี้กลุ่มบริษัทเพอร์เฟค มีแผนเปิดขาย 25 โครงการ ใหม่ มูลค่ารวมกว่า 35,823 ล้านบาท โดยเป็นโครงการของเพอร์เฟคจำนวน 23 โครงการ มูลค่า 27,523 ล้านบาท เป็นแนวราบ 20 โครงการ มูลค่า 23,243 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 4,280 ล้านบาท และเป็นโครงการของบริษัท แกรนด์ แอสเสทโฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) 2 โครงการ โดยจะเปิดคอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท และวิลล่า 1 โครงการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท
กลุ่มเพอร์เฟค ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 20,900 ล้านบาท ประกอบด้วย เป้าขายของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 19,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 11,000 ล้านบาท คอนโด 7,000 ล้านบาท คอนโดและวิลล่าที่ประเทศญี่ปุ่น 1,400 ล้านบาท สำหรับแกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งเป้าขายโครงการคอนโด 1,500 ล้านบาท