เคพีเอ็นลงขันสิงคโปร์ ตั้งบริษัทรุกคอนโดลักซ์ชัวรี่ปีละ2โครงการ ชี้5ปีลงทุน3.5หมื่นล.
เคพีเอ็นผนึกบิ๊กอสังหาฯ สิงคโปร์ ชิงส่วนแบ่งคอนโดหรู ตั้งเป้า 5 ปีลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้าน
นายระวี ธาตุนิยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ เปิดเผยว่า เพื่อให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืนจึงได้ร่วมทุนกับบริษัท เคปเปล แลนด์ สิงคโปร์และจดทะเบียนภายใต้บริษัทร่วมทุน เคพีเอ็น-เคปเปล อัลลายซ์แอนซ์ ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ในย่านซีบีดีเฉลี่ยปีละ 1-2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการร่วมทุนพัฒนานั้น จะมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ ชัวรี่ในช่วง 1-2 ปีนี้ก่อน เพื่อให้บริษัทมีรายได้เติบโตเพิ่มปีละ 10% ต่อเนื่องในช่วง 5 ปี โดยคาดว่าจะมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 5 ผู้พัฒนาลักซ์ชัวรี่คอนโดที่อยู่ในใจผู้บริโภคในปี 2564
ทั้งนี้ ปี 2561 บริษัทมีแผนเปิด 2 โครงการแรกมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นราคาที่ดิน 2,200 ล้านบาท แต่ได้ปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่หลังจากรับการร้องเรียนจากชุมชนบริเวณสุขุมวิท 28 และสุขุมวิท 30 ในส่วนโครงการทำเลสุขุมวิท 28 พื้นที่ราว 2 ไร่ อาคารสูง 30 ชั้น จำนวน 265 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 4,500 ล้านบาท ขายราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) คาดจะเปิดตัวได้ในไตรมาส 4 ปี 2561 หรือต้นปี 2562 เพราะต้องรอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ผ่านก่อน
ขณะที่โครงการในทำเลสุขุมวิท 19 พื้นที่โครงการกว่า 1 ไร่ ใกล้บีทีเอสอโศก จำนวน 140 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 2,500 ล้านบาท ขายราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสนบาท/ตร.ม. คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ขณะที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ราว 2,500 ล้าบาท
นายระวี กล่าวว่า ตลาดคอนโดลักซ์ ชัวรี่ในปี 2561 มีแนวโน้มสดใสจากปัจจัยบวกซึ่งประมาณการเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวปีนี้ราว 4.1% และที่สำคัญตลาดต่างชาติให้ความสนใจซื้ออสังหาฯ ในไทยมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ราว 10% โดยสัดส่วนลูกค้าเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุนปล่อยเช่า 50 ต่อ 50
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทวางงบซื้อที่ดิน 3,000-4,000 ล้านบาท โดยเน้นทำเลใจกลางเมือง การออกแบบและฟังก์ชั่นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ขณะเดียวกันโครงการเหล่านี้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต