PFเปิดเกมรุกบุก25โครงการขาย2หมื่นล้าน
PF คาดยอดขายโตต่อเนื่องอีก 3 ปี คาดปี 2563 แตะ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้ คาดอยู่ที่ 2.09 หมื่นล้านบาท เดินหน้าเปิด 25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ดันรายได้ปี 2561 พุ่งกว่า 2 หมื่นล้านบาท แย้มโปรเจ็กต์ สกีรีสอร์ต คิโรโระ ในญี่ปุ่น และ Weretail เทิร์นอะราวด์ปีนี้แน่
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) จะเติบโตขึ้นตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2563 โดยยอดขายในปี 2561 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.09 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2562 อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท และปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 3.05 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังคาดว่าการลงทุนในโครงการสกีรีสอร์ตคิโรโระ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และธุรกิจ We Retail จะพลิกกลับมาทำกำไร ภายหลังจากมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในส่วนของที่พักอาศัยในโครงการ คิโรโระนั้น บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการต่อเนื่องบนที่ดินเปล่า (Freehold) ประมาณ 300 ไร่ โดยนอกจากการลงทุนในโครงการ "ยู คิโรโระ" คอนโดมิเนียม มูลค่า 4 พันล้านบาท ที่เพิ่งเปิดตัวไปแล้วนั้น ยังมีแผนจะพัฒนาโครงการในรูปแบบวิลล่า มูลค่า 4.5 พันล้านบาท ร่วมกับบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่อยู่อาศัยของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ลุยเปิด 25 โปรเจ็กต์
ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง 25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3.58 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ยอดขายในปี 2561 เติบโตได้ตามเป้า และบริษัทยังได้ตั้งเป้าหมายยอดโอนที่เป็นรายได้ (Transfer Target) ในปีนี้จะอยู่ที่ 1.62 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากโครงการแนวราบ 9 พันล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 5 พันล้านบาท และจากโครงการคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับ Grand อีก 2.2 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือ (Backlog) อีกประมาณ 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1.2 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมราว 3.8 พันล้านบาท เป็นต้น
นายชายนิด ยังกล่าวถึงแผนงานปีนี้ด้วยว่าจะเน้นสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มบริษัทด้วยความร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำระดับโลกในด้านต่างๆ ซึ่งทางบริษัทมีแผนร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากฮ่องกง พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ 2 โครงการ ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในอนาคตปีละไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท คาดเห็นความชัดเจนปลายปี 2561 จำนวน 1 โครงการ
อีกทั้งบริษัทยังมุ่งเน้นการที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรให้มากขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนการเงินและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงนำสินทรัพย์ที่ดิน (Landbank) ที่มีอยู่ในมือมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนวางแผนที่จะนำที่ดินบางส่วนออกแบ่งขายเพื่อเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มซึ่งประเมินไว้ราว 4 พันล้านบาท
เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่
ส่วนการลงทุนในปี 2561 นี้ บริษัทวางแผนใช้งบลงทุน 8 พันล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ 3 พันล้านบาท และเป็นค่าก่อสร้าง 5 พันล้านบาท โดยวงเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากทั้งการขายที่ดิน เงินกู้จากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ เป็นต้น ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ มูลค่ารวม 4.75 พันล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนสิงหาคม และธันวาคม 2561 นี้ โดยหุ้นกู้ชุดใหม่จะออกมูลค่า 4 พันล้านบาท
วางแผนจะทยอยออกเป็น 3 ครั้ง ได้แก่ เดือนมีนาคม มิถุนายน และสิงหาคม เฉลี่ยครั้งละ 1 พันล้านบาท เฉลี่ยอายุ 3-5 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นกับช่วงเวลาที่ออก ซึ่งหุ้นกู้ชุดเก่า อายุ 4 ปี ดอกเบี้ย 5.9% พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนคืนหนี้เงินกู้ให้กับสถาบันการเงินจำนวน 2-3 พันล้านบาท เพื่อลด D/E ให้เหลือ 1.2 เท่า จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ 1.58 เท่า เพื่อทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงอีกด้วย
ส่วนประเด็นที่ดินบนทำเลรัชดา จำนวน 2 แปลง 20 ไร่ อยู่ภายใต้บริษัท "We Retail" บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) หรือ NPG อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจซื้อ หรือ ร่วมทุน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/2561 ซึ่งหากเป็นการขายที่ดิน บริษัทจะได้เงินทั้งหมด 2.7 พันล้านบาท โดยผู้ที่สนใจมี 2 รายที่เป็นกลุ่มธุรกิจทำโรงแรมในไทย 1 ราย และ กลุ่มต่างประเทศที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมอีก 1 ราย
ขณะที่บริษัท We Retail มีแผนการพลิกฟื้นให้ผลการดำเนินงานกลับมาเติบโต และเตรียมนำกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายใน 3 ปี (61-63) โดยนอกจากขายที่ดินย่านรัชดา บริษัทกำลังพิจารณาหาสินทรัพย์ใหม่เข้ามาทดแทนอาคาร One & Two Pacific Place ที่จะหมดสัญญาเช่าในปี 2562 พร้อมกับเร่งหาผู้เช่าเข้ามาเช่าพื้นที่ในโครงการ Metro West Town