คันทรี่กรุ๊ปลุย มิกซ์ยูส ดันรายได้โตก้าวกระโดด
Loading

คันทรี่กรุ๊ปลุย มิกซ์ยูส ดันรายได้โตก้าวกระโดด

วันที่ : 9 กุมภาพันธ์ 2561
คันทรี่กรุ๊ปลุย มิกซ์ยูส ดันรายได้โตก้าวกระโดด

นับตั้งแต่ประกาศเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส "เจ้าพระยา เอสเตท" มูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท  เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา "คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์" ซึ่งถือหุ้นใหญ่ 70% โดยมีพันธมิตรร่วมทุนจากจีน "บีซีอีจี"กลายเป็นที่จับตามองทันที เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่รุกจับเรสซิเดนส์และโรงแรมระดับไฮเอนด์ บนทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา สัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ

เบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  "โฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์"  พร้อมโอนเดือน ต.ค.นี้ เป็นต้นไป  โครงการนี้ถือเป็น "หลักไมล์"ที่สำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัท เนื่องจากจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเป้าหมายซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนว่าสามารถส่งมอบที่พักอาศัยได้ตามคุณภาพที่การันตีไว้ นำไปสู่ความไว้ใจในการพัฒนาโปรเจคใหญ่ใหม่ๆ ที่พร้อมประกาศภายในปีนี้ หลังจากทุ่มเวลากว่า 3 ปีในการพัฒนามิกซ์ยูสบนพื้นที่กว่า 35 ไร่แห่งนี้จนสำเร็จ ขณะที่ในการรับรู้ ของลูกค้าทั่วไปนั้น เมื่อมองกลับมาที่โครงการนี้ ต้องการให้เห็นถึงคุณภาพที่สูงกว่าการพัฒนาอสังหาฯ ในเซ็กเมนต์ระดับเดียวกัน

"โครงการนี้นักลงทุนเดิมรอดูความสำเร็จมานาน รวมถึงผู้ถือหุ้นใหม่ๆ ในอนาคตก็รอเช่นกันว่าจะทำได้ตามที่ประกาศหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยอดขายและการก่อสร้างเป็นไปตามแผน ทำให้ปีนี้ พร้อมเต็มที่ในการเริ่มเดินหน้าโครงการใหม่ๆ"

ปัจจุบัน ยอดขายของ โฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ เดินหน้าไปกว่า 70% ตั้งเป้าหมายผลักดันให้ถึง 85-90% ก่อนโรงแรม 2 แห่งในพื้นที่เดียวกัน คือ โฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ ณ เจ้าพระยา และ โรงแรมคาเพลล่า กรุงเทพฯ จะเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเดือนม.ค.ในพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 50% ถูกแบ่งให้เป็นเรสซิเดนซ์ ที่นำแบรนด์ของ โฟร์ซีซันส์มาทำการตลาด อีก 50% เป็นพื้นที่ของโรงแรม 2 แห่ง ในอนาคตคาดว่า จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยกว่า 75-77%

ตามเป้าหมายการพัฒนาและลงทุนของบริษัท นอกเหนือจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์แล้วยังมีสินทรัพย์ประเภทสร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) ในสัดส่วนกว่า 35%ภายในปี 2563 ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะเข้ามาเสริมพอร์ตด้านการเก็บเกี่ยวระยะยาว

นอกจากโรงแรม 2 แห่งแล้ว ในอนาคตจะมีการพัฒนามิกซ์ยูสที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เป็นโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาด และปั๊มน้ำมัน มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท บนที่ดิน 80 ไร่ ที่จะสร้างรายได้ จากการเก็บค่าเช่าระยะยาวเสริม

โครงการใหญ่ที่เตรียมเปิดตัวปีนี้ มีที่ดินพร้อมพัฒนาในโซนพระราม 3 อีกกว่า 23 ไร่ บน ถ.วงแหวนอุตสาหกรรม คาดใช้งบไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นมิกซ์ยูส ระหว่างที่พักอาศัยและโครงการประเภทอื่นๆ อยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสสร้างเป็นโรงแรม แต่เซ็กเมนต์อาจไม่ใช่ซูเปอร์ลักชัวรีเหมือนเจ้าพระยาเอสเตท ซึ่งในทางความคุ้มค่าของราคาที่ดินมีมากกว่า เนื่องจากได้ที่ดินแปลงใหญ่ ราคาตร.ว.ละ 2.1 แสนบาท ต่างจากติดแม่น้ำที่ราคาขึ้นสูงไปกว่า 4 แสนบาทต่อตร.ว.

"การพัฒนาโครงการของคันทรี่ กรุ๊ป เน้นหลักสร้างความแตกต่างจากตลาดทั่วไป เช่นเดียวกับการซื้อที่ดินไม่ได้มองที่ราคาเป็นหลัก แต่จะดูทำเลว่านำไปสร้างอะไรที่เหมาะสมกับคอนเซปต์ที่ต้องการได้หรือไม่ อย่าง  ที่ดินหลังสวน เสนอขายเข้ามาร้อนแรงมาก ล่าสุดราคาตารางวาละ 3 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้แพงเกินไป เพราะราคาที่ดินในทำเลที่ดีขึ้นสูงต่อเนื่อง สำคัญต้องมีไอเดียว่าจะพัฒนาเป็นอะไร ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีดีลเข้ามาเยอะมาก แต่เราต้องโฟกัสโครงการที่เจ้าพระยา จึงไม่ได้สนใจทางอื่นนัก"

เบน ย้ำว่า บริษัทต้องการมุ่งไปที่เซ็กเมนต์ระดับสูง ไม่แข่งราคา แต่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มที่เหนือกว่า และพัฒนาโดยเน้นไลฟ์สไตล์ที่เป็นองค์ประกอบในชีวิต เช่น การพัฒนาที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำไม่ได้บ่อย จะมีจุดขายเรื่องความใกล้ชิดวิถีริมแม่น้ำ ไม่พลุกพล่าน ต่างจากโครงการอื่นที่อาจเป็นมิกซ์ยูสกับห้างสรรพสินค้า ข้อดีคือได้ความสะดวก แต่จะไม่สงบเงียบเป็นส่วนตัวเท่า

นอกจากการใช้โครงการนี้เป็นหลักความสำเร็จเพื่อก้าวกระโดด ในเชิงรายได้จะสร้างการเติบโตให้อย่างมาก จากปีที่แล้วรายได้ 900 ล้านบาท ปี 2561 คาดเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท เพราะจะเริ่มโอนให้ลูกค้าและรับรู้รายได้จากการขายได้ 50% ของยอดขาย 70% ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าเป็นต่างชาติ 55% มาจากฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน ส่วนห้องพักที่ขายได้ส่วนใหญ่ 3 ห้องนอนขึ้นไป ที่เหลือขายส่วนมากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กสุด 115-120 ตร.ม. ขณะที่ราคาเฉลี่ยปรับขึ้นไปอยู่ที่ 5.2 แสนบาทต่อตร.ม. จากปีที่แล้วอยู่ที่ 4.7 แสนตร.ม.

'การพัฒนาโครงการ เน้นสร้างความแตกต่างจากตลาดทั่วไป'

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ