โกลเด้นแลนด์ต่อยอดธุรกิจ เฟรเซอร์ส
Loading

โกลเด้นแลนด์ต่อยอดธุรกิจ เฟรเซอร์ส

วันที่ : 3 กุมภาพันธ์ 2561
โกลเด้นแลนด์ต่อยอดธุรกิจ เฟรเซอร์ส

"โกลเด้นแลนด์" เผยตลาด อสังหาฯไทยยังโต ชี้แนวราบระดับกลาง มาแรงชูกลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้" สิงคโปร์ มุ่งพัฒนารีเทลระดับโลก

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่าปีนี้วางเป้าหมายให้เป็นปีแห่ง "การเพิ่มมูลค่า" (Adding Value) เน้นผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนาการลงทุน

รวมทั้งการบริหารโครงการตั้งแต่ที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ ในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงธุรกิจฮอสพิทอลลิตี้ ที่ประกอบด้วยโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในมากกว่า 80 เมือง ทั่วทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาจาก "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้" เข้ากับความชำนาญในการพัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยจากโกลเด้นแลนด์มากยิ่งขึ้น

ภายใต้ความร่วมมือ "โกลเด้นแลนด์- เฟรเซอร์ส ซินเนอร์จี้" เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 5 อันดับแรกของประเทศ หลังจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ถือหุ้นของโกลเด้นแลนด์ ตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นคิดเป็น 39.9% ความร่วมมือระหว่างกันเริ่มเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งด้าน การร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการต่างๆ

"ในระดับนานาชาติให้การยอมรับการพัฒนาเมือง และการพัฒนาอสังหาฯของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเชิงพาณิชย์ ใจกลางเมือง เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงมาก ทำให้ต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด จึงเกิดเป็น นวัตกรรมการใช้พื้นที่ที่น่าสนใจ"

นายธนพล กล่าวว่าโกลเด้นแลนด์สามารถนำนวัตกรรมจากเฟรเซอร์สฯ มาปรับใช้ กับการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ ที่มีราคาที่ดินขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-15% รวมทั้งอสังหาฯ เช่น ที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนสิงคโปร์และนิยมลงทุนผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การนำความรู้ความชำนาญด้านการบริหารทรัสต์ฯ ระดับโลกของเฟรเซอร์สฯ มาประยุกต์เข้ากับรูปแบบของประเทศไทย จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัท

ปีนี้วางเป้าหมายรายได้รวม 17,800 ล้านบาท โดยสินค้าแนวราบระดับกลางยังมีแนวโน้มเติบโต  ได้แก่ บ้านเดี่ยว ราคา 7-10 ล้านบาท บ้านแฝด 4-7 ล้านบาท และทาวน์โฮม 2-4 ล้านบาท จะเป็นสินค้าหลักของบริษัท พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการ สามย่านมิตรทาวน์ ที่คาดว่าปี 2561 งานก่อสร้างจะคืบหน้ากว่า 60%

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ