ราคาที่ดินชลบุรีพุ่ง50%-รายใหญ่ แห่ชิงตลาด อสังหาฯโหมลงทุน อีอีซี
อสังหาฯเดินหน้าบุกทำเล"อีอีซี" ชี้มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัย กว่า 8 หมื่นล้าน ประเมินการลงทุนเฉลี่ยปีละ 2-3 หมื่นล้าน พบ ทำเลฮอต"ชลบุรี"ราคาที่ดิน พุ่ง 50% "ออริจิ้น"ปั้นโปรเจค มิกซ์ยูส"ศรีราชา-ระยอง"ด้านพฤกษาลุยบ้านเดี่ยว- ทาวน์เฮาส์ 7 โครงการกว่า 5,500 ล้าน "ศุภาลัย-แสนสิริ" ย้ำทำเลศักยภาพ ดันตลาด ต่างจังหวัดโต
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยรัฐวางแผนเดินหน้าลงทุน 5 ปีแรก มูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อ ยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้กลายเป็น "เวิลด์คลาส อีโคโนมิค โซน"
ภายใต้การลงทุนระดับเมกะโปรเจค "อีอีซี" ของภาครัฐจะช่วยผลักดันและ ยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 1 แสนอัตราต่อปีส่งผลต่อโอกาสการขยายตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก จากแรงงานที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในพื้นที่ดังกล่าว
อสังหาฯลงทุนอีอีซี2-3หมื่นล้าน/ปี
นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อีอีซี ถือเป็น ทำเลศักยภาพ ที่มีทั้งตลาดที่อยู่อาศัยและโครงการรูปแบบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของคนที่เข้ามาทำงาน รวมไปถึงชาวต่างชาติ ดังนั้นในทำเลอีอีซี จึงมีโครงการโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเม้นต์ และอพาร์ตเม้นต์เกิดขึ้นต่อเนื่องแต่จำนวนอาจไม่มากนัก
การพัฒนาโครงการที่เกิดขึ้นมากที่สุด คือ บ้านจัดสรรที่เข้ามารองรับคนทำงานในโรงงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ที่อาจจะมีอยู่ก่อนแล้วและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งสามารถพัฒนาเป็นเฟสหรือทยอยสร้างได้ ส่วนคอนโดมิเนียม อาจจะมีโครงการเกิดขึ้นค่อนข้างมากในบางทำเลของอีอีซี เช่น บางแสน ศรีราชา พัทยา เป็นต้น
การลงทุนโครงการอสังหาฯในอีอีซี อาจจะมีมูลค่าปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ยังคงเป็นโครงการที่อยู่อาศัย โดยโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์จะอยู่ในพื้นที่ศรีราชา บางแสนหรือบางทำเลของพัทยาเท่านั้น แต่เมื่อโครงการอีอีซีเดินหน้า เชื่อว่ามูลค่าการลงทุนอสังหาฯ จะเพิ่มมากนี้ ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
หากไม่นับพื้นที่ปริมณฑล ถือได้ว่าพื้นที่อีอีซี ชลบุรี และระยองเป็นจังหวัดที่มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่มากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย นอกพื้นที่กรุงเทพฯ จากปัจจัยนิคมอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมีโรงงานใหม่ๆ เปิดกิจการต่อเนื่อง แรงงานทุกระดับชั้นจึงเพิ่มขึ้นทุกปี
ที่ดิน"ชลบุรี"พุ่ง 50%
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เปิดเผยว่าหลังจากอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเดินหน้าลงทุนตามโครงการอีอีซี จะเริ่มเห็นการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยตามมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ในฝั่งราคาที่ดินพบว่าเริ่มปรับตัวสูง ตั้งแต่ก่อนประกาศโครงการอีอีซี และหลังประกาศโครงการอีอีซี ช่วงนี้เริ่มเห็นการเก็งกำไรที่ดินเช่นเดียวกับยุค อิสเทิร์นซีบอร์ด โดยมีนักลงทุนไปหาซื้อที่ดินเพื่อเปลี่ยนมือ เก็งกำไร ปีที่ผ่านมาพบว่าที่ดินที่สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50%
สำหรับที่ดินที่จะพัฒนาโครงการแนวราบ ราคาไร่ละ 5 ล้านบาท จากเดิม 2 ปีก่อนอยู่ที่ ไร่ละ 2-3 ล้านบาท ทำให้บ้านแนวราบต้องปรับตัวเป็นบ้านแฝด หรือทาวน์โฮม สำหรับตลาดกลางและบน
นายมีศักดิ์ กล่าวว่าราคาที่ดินติดริมหาด ปรับขึ้นสูงมาก ช่วง 5 ปีก่อนราคาหลักหมื่นต่อตร.ว. ขณะที่ 2 ปีก่อนอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อตร.ว. ซึ่งถือว่าสูงมาก ปัจจุบันขยับไปที่ 2-2.5 แสนบาทต่อตร.ว. ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยอีอีซีเช่นกัน เพราะนักลงทุนเห็นว่าเป็นโครงการที่จะช่วยผลักดันการเติบโตในชลบุรี จึงเริ่มซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่ปีก่อน เพื่อหวังผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันตลาดอสังหาฯ ชลบุรี มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นอันดับ 1 ในพื้นที่อีอีซี 3 จังหวัด
ออริจิ้นผุดมิกซ์ยูสระยอง2หมื่นล้าน
ปีที่ผ่านมาบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าไปลงทุน โครงการอสังหาฯรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่อีอีซี รวมมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใน ศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และ จ.ระยอง 2,300 ล้านบาท โดยโครงการในศรีราชา ได้แก่ มิกซ์ยูส ชื่อ "ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา" มูลค่า 5,000 ล้านบาท
นางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า "อีอีซี"เป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพเติบโต ที่ออริจิ้นเข้าไปปักหมุด ลงทุนแล้วที่ แหลมฉบัง-ศรีราชา โดย หลังจากนี้ยังมองโอกาสขยายโครงการมิกซ์ยูสครบวงจรที่ ระยอง อีก 2 ทำเล โดยมี ที่ดินแล้ว 1 ทำเล และกำลังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 1 ทำเล การพัฒนาทั้ง 2 ทำเล ใช้เวลา 3-4 ปี มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท
โดยโรงแรมที่ระยอง จะเป็นระดับ 4 ดาวบวก รวมทั้งมีเซอร์วิส อพาร์ตเม้นต์ ในกลุ่มพรีเมียม โปรดักท์
"เรามอง อีอีซี ระยะ 10 ปีข้างหน้าที่จะเห็น การเติบโตต่อเนื่อง แนวทางการพัฒนาอสังหาฯ จึงเป็นรูปแบบวัน สต็อป เซอร์วิส ตอบโจทย์ตลาดที่อยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยว"
พฤกษาปักธงอีอีซีปีนี้5.5พันล้าน
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในพื้นที่อีอีซี มีสัดส่วนราว 30% หรือมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท อีกทั้งเป็นทำเลที่มีอัตราเติบโตสูง โดยเฉพาะชลบุรี, ส่วนระยองเป็นทำเลศักยภาพ ขณะที่ ฉะเชิงเทรา มีโอกาสขยายตัวในอนาคต
"พื้นที่อีอีซี เป็นทำเลที่มีทั้งการลงทุนของอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ"
ปี 2561 พฤกษามีแผนเปิดโครงการใหม่"แนวราบ"ในอีอีซี รวม 8 โครงการ จำนวน 2,482 ยูนิต มูลค่า 5,529 ล้านบาท ประกอบด้วย ชลบุรี 3 โครงการ จำนวน 994 ยูนิต มูลค่า 2,539 ล้านบาท, ระยอง 3 โครงการ จำนวน 1,039 ยูนิต มูลค่า 2,084 ล้านบาท และ ฉะเชิงเทรา 2 โครงการ จำนวน 499 ล้านบาท มูลค่า 906 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมาย ระดับกลางและล่าง ที่ทำงานในพื้นที่อีอีซีและกลุ่มทั่วไป
ศุภาลัยเดินเกมบุกอสังหาฯอีอีซี
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในพื้นที่อีอีซี ศุภาลัย เป็น ดีเวลลอปเปอร์ที่เปิดโครงการมากที่สุด ในชลบุรีและระยอง มีแลนด์แบงก์รวมกว่า 10 แปลง โดยปี 2561 ในชลบุรี ถือเป็นทำเลที่ศุภาลัยเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดมากที่สุด ประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท รูปแบบทาวน์โฮม 2 ล้านบาทถึงบ้านขนาดใหญ่ 10 ล้านบาท ทั้งกลางเมือง นอกเมือง ส่วนที่ระยองมี 1-2 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท
ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ชลบุรีมีแนวโน้ม เติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัย ยังมีอยู่มาก ประกอบกับในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-ชลบุรี-ศรีราชา-ระยอง ทำให้เกิดการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ ทาวน์โฮม และคอนโด ในชลบุรี 7 โครงการ และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการใหม่ "ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน" ใกล้ชายหาดบางแสน มูลค่าโครงการ 563 ล้านบาท
แสนสิริเล็งโซนตะวันออกเจาะญี่ปุ่น
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ามองการลงทุนในทำเล อีอีซี ซึ่งมีโครงการที่ร่วมมือกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากญี่ปุ่น มั่นใจว่าการขยายธุรกิจไปยังโซนตะวันออกจะเป็นทำเลเชิงยุทธศาสตร์ เพราะเห็นว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนจะช่วยทำให้ธุรกิจหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเอง
โครงการที่เตรียมพัฒนาเช่น พัทยา เป็นหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจ เพราะสังเกตได้ว่า คนที่ทำงานในระยอง ศรีราชา ชลบุรี มักจะเข้ามา พักอาศัยในพัทยาจำนวนมาก ดังนั้นจึงมั่นใจว่าอีอีซี จะทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯเติบโตได้
ปีนี้แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดด้วย โดยมีทำเลใน 6 จังหวัดเตรียมเปิดโครงการใหม่ และในพื้นที่อีอีซีก็เป็นเป้าหมายในการเติบโตโครงการด้วย ขณะนี้ทุกโครงการมีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการไว้หมดแล้ว