SIRIขายหุ้นกู้4พันล้านเกลี้ยง พร้อมเสริมแกร่งธุรกิจอสังหาฯ
SIRI ขายหุ้นกู้ 4,000 ล้านบาทหมดเกลี้ยง ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นพื้นฐานบริษัท เตรียมนำเงินพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมขยายธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตมั่นคงในอนาคต
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI
เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกัน ด้วยมูลค่าการเสนอขาย 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
สำหรับหุ้นกู้ของ SIRI ที่เสนอขายในครั้งนี้ ได้แก่ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% มูลค่าการเสนอขาย 4,000 ล้านบาท ซึ่งทริส เรทติ้ง ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ในระดับ "BBB+" แนวโน้มเครดิต "Stable" เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ประกอบกับการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ยังนับเป็นการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่าสูงที่สุดที่แสนสิริเคยเปิดการจำหน่าย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งผู้ถือหุ้นกู้เดิม ผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงนักลงทุนสถาบัน
ดังนั้นจึงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทและเชื่อมั่นในบริษัท ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับชั้นนำของประเทศที่ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 17 จังหวัดด้วยจำนวนกว่า 318 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 86,070 ยูนิต
ส่วนวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทตามแผนการดำเนินธุรกิจปี 2561 โดยการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นกู้นี้จะช่วยให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านของเงินทุน และมีความพร้อมในการขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
โดยโครงการที่จะใช้ขยายการลงทุน ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ และในปีนี้ยังมีการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีราคาสูงที่สุดของแสนสิริได้แก่ บ้านแสนสิริ โครงการที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน และพัทยา
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังก้าวล้ำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยการจัดตั้ง Corporate Venture Capital เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจประเภท Property Technology ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อโอกาสการเติบโตควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี