นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงผลกระทบจากการปรับ ขึ้นอัตราค่าจ้างขึ้นต่ำทั่วประเทศว่า จะส่งผลให้ธุรกิจที่ใช้แรงงานมีต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่มีทั้งกลุ่มแรงงานทั่วไป, กลุ่มแรงงานมีทักษะ รวมทั้งธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ที่มีต้นทุนแรงงานเพิ่ม ซี่งทำให้อาจจะมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้า

นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านกล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งด้านแรงงานและวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นในไตรมาส 2 ราวเดือน เม.ย.นี้ กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะพิจารณาปรับขึ้นราคาประมาณ 5% หลังจากไม่ปรับราคาในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

"ปกติในจังหวะที่เศรษฐกิจขยายตัว ธุรกิจรับสร้างบ้านจะพิจารณาปรับราคา จากต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ปีนี้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เข้ามาเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มอีกประการ ผู้ประกอบการจึงพิจารณาขึ้นราคาในไตรมาส 2 นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่กระทบลูกค้ามากนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น" นางศิริพรกล่าว

ด้านนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร อธิป พีชานนท์กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลในการขึ้นค่าแรงรอบนี้น่าจะยังไม่มีผลต่อราคาที่อยู่อาศัย ต้นทุนในส่วนของแรงงานก่อสร้างยังพอรับได้ โดยพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลปรับเป็นวันละ 325 บาท ภูเก็ต ระยอง ชลบุรี วันละ 330 บาท

นายอธิปกล่าวว่า ตลาดอสังหาฯใหญ่สุดอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จาก 300 บาทเป็นวัน ละ 325 บาท เทียบเท่าขึ้นค่าแรง 9% ผมคิดว่าไม่มี ปัญหากระทบต้นทุนพัฒนาโครงการ เพราะราคาบ้าน- คอนโดฯ ไม่ได้มีต้นทุนอยู่เฉพาะค่าแรง ยังมีองค์ ประกอบอื่น เพราะฉะนั้น ขึ้นค่าแรงทำให้ต้นทุนจ้าง สูงขึ้น แต่มีผลกระทบแบบไม่มีนัยสำคัญ

"ผมเป็นห่วงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวมากกว่า เพราะปัญหานี้มีผลกระทบรุนแรงมากกว่าการขึ้นค่าแรง เพราะเรามองเรื่องการเติบโตของโครงการอสังหาฯ จะสะดุดถ้านำเข้าไม่สะดวก" นายอธิปกล่าว

อย่างไรก็ตาม จุดโฟกัสน่าจะเป็นปัญหาแรงงานขาดแคลนในไซต์ก่อสร้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีโครงการเพิ่มขึ้นของเอกชน มีโครงการภาครัฐเข้า มาอีก ขณะที่ซัพพลายมีไม่เยอะ อาจมีการขาดแคลนได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวด้วยการหันไปใช้วัสดุสำเร็จรูป แต่ก็ยังมีบางส่วน ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าถึง 10-13% ทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งยังไม่กล้านำมาใช้