นายชนะ เลิศลุมพลีพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันตกมานานกว่า 20 ปี โดยในช่วงที่ผ่านมาพัฒนาโครงการ แนวราบภายใต้แบรนด์ กิตติยาซิตี้ และแกรนด์กิตติยา ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด จำนวนกว่า 1,100 ยูนิต ระดับราคา 1- 2 ล้านบาท มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่หดตัว และปัญหาหนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าตลาดที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มียอดปฏิเสธสินเชื่อสูง

นอกจากนี้ พฤติกรรมลูกค้า และไลฟ์สไตล์ รวมถึงตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการปรับตัวตาม ทั้งรูปแบบโครงการ แบบบ้าน ฟังก์ชันภายในบ้าน และแหล่งเงินในการพัฒนาโครงการ จากเดิมที่ใช้เงินสดของบริษัทในการลงทุน 100% โดยในช่วงปี 59 บริษัทได้ปรับตัวในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านที่มาของแหล่งเงินทุน ซึ่งเปลี่ยนมาใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรด้านการเงิน ขณะเดียวกันก็มีการจับมือกับซัปพลายเออร์วัสดุก่อสร้างและบริษัทรับหมาก่อสร้าง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างพันธมิตรด้านการค้าและควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง

ขณะเดียวกัน ก็จะปรับโปรดักต์จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มราคา 1 ล้านบาทต้นๆ มาจับกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ "เดอะบาลานซ์"โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ เดอะบาลานซ์ ปิ่นเกล้า-สาย 5 โครงการบ้านแฝดบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ 45ไร่ จำนวน 236 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ 2 ภายใต้แบรนด์เดอะบาลานซ์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 61 นี้

"ตลาดที่อยู่อาศัยระดับ 3-5 ล้านบาท มียอดขายดีที่สุด และการปฏิเสธสินเชื่อไม่สูง ต่างกับบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ  ที่ผ่านมา กลุ่มดังกล่าวมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% โดยเฉพาะกลุ่ม ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมไม่เกิน 2 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบ้านราคา 3-5ล้านบาท มียอดปฏิเสธสินเชื่อที่ 30% ส่วนกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มียอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ ที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ยังชะลอการตัดสินใจซื้อ ซึ่งบริษัทยังไม่เน้นจับกลุ่มดังกล่าว"

สำหรับเป้าหมายผลการดำเนินงานในปีนี้ จะมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง 10-15% ต่อปี มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 2 ปี ต่อ 1 โครงการ ล่าสุดได้ซื้อที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 2 ประมาณ 70 ไร่ รองรับแผนพัฒนาโครงการในปี 2562 โดยในปีนี้ วางเป้าจะมีรายได้ 400 ล้านบาท มาจากโครงการ เดอะบาลานซ์ ปิ่นเกล้า-สาย 5 ทั้งหมด และในปี 62 จะมีรายได้ 450 ล้านบาท ขณะที่ในปีที่ผ่านมา มีรายได้ 240 ล้านบาท ปี 59 มีรายได้ 200 ล้านบาท