ออลล์ อินสไปร์ เล็งเข้าตลาดปีนี้ จ่อเปิด 7 โครงการมูลค่าหมื่นล้าน
“ออลล์ อินสไปร์ฯ” แย้มเตรียมเข้าเทรดตลาดหุ้นในปี 2561 พร้อมวางเป้ารายได้แตะ 5,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิด 7 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โชว์ตุนแบ็กล็อก 7,500 ล้านบาท
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมแผนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เบื้องต้นคาดหวังว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในปี 2561 อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับภาพรวมของบริษัทและภาพรวมของตลาดด้วย
โดยในปี 2561 บริษัทวางเป้ามีรายได้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และมียอดขาย (Presale) อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จากการพัฒนาโครงการใหม่ ที่เน้นทำเลใกล้กับแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น ประกอบการยอดขายในประเทศ และต่างประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังแบรนด์ Excel ยังเป็นแบรนด์ที่ดึงดูดลูกค้าระดับล่างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก
สำหรับในปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 10,110 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้มาจากโครงการคอนโดมิเนียม Low-Rise จำนวน 3 โครงการ ประมาณ 3,125 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียม High-Rise จำนวน 2 โครงการ ประมาณ 4,161 ล้านบาท, โครงการแนวราบทาวน์โฮม จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 1,305 ล้านบาท และโครงการระดับพรีเมี่ยมวิลล่า จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 1,519 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/2561 จะดำเนินการเปิดโครงการกว่า 5 โครงการ ซึ่งโครงการไฮไลต์จะเป็นโครงการคอนโดมีเนียมลักซ์ชัวรี่ จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ และลูกค้าชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบการลงทุนซื้อที่ดินในปี 2561 ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2560 เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคตที่เริ่มหาได้ยากขึ้น ประกอบกับราคาที่ดินที่บริษัทซื้อได้ค่อนข้างต่ำกว่ารายอื่น เพราะพยายามหาที่ดินจากเจ้าของโดยตรง และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 2-3 กิโลเมตร
นายธนากร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2561 ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท จาก 5 โครงการ ส่วนที่เหลือจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป ถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหม่
ส่วนในช่วง 4 ปี (ปี 2557-2560) ที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดโครงการแล้ว 11 โครงการ มูลค่า 8,700 ล้านบาท รวม 4.400 ยูนิต โดยในปี 2561 จะมีการเปิดตัวโครงการอีก 7 โครงการ จะส่งผลให้มีโครงการที่เปิดแล้วถึง 18 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายในประเทศอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มียอดขายอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท และมียอดขายรวมอยู่ที่ 2,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,000% เมื่อเทียบกับปีแรกที่มียอดขายอยู่ที่ 12 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มียอดขายอยู่ที่ 452 ล้านบาท โดยประเทศที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุด ได้แก่ ฮ่องกง, สิงคโปร์, ไต้หวัน และจีน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศอยู่ที่ 40% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% ภายใน 1-2 ปี (ปี 2560-2563)
ขณะเดียวกัน ในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,598% เมื่อเทียบกับรายได้ในปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 109 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 715 ล้านบาท เนื่องจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ Excel ยังเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 47.49% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.04%