BSMลั่นรายได้ปีนี้โต800ล้าน 3 ปี ดันสัดส่วนรายได้อสังหาฯ พุ่ง 50%
BSM ลุยอสังหาฯเต็มสูบ ตั้งเป้า 3 ปี ดันสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบัน 15-20% ส่วนปี 61 ปั๊มรายได้พุ่ง 800 ล้านบาท จากปี 60 คาดจะทำได้ 600 ล้านบาท ล่าสุดผู้ถือหุ้นไฟเขียวขายหุ้น PP จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.65 บาท เพื่อระดมทุน 130 ล้านบาท เข้าซื้อ The Teak Sukhumvit 39 เล็งเปิดใหม่อีก 1 โครงการภายในปีนี้
นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้า 3 ปีจากนี้ (2561-2563) จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็น 50% และอีก 50% จะมาจากรายได้ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่คาดจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 80-85% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 15-20%
โดยธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีจำนวนลูกค้ากว่า 600 โครงการที่ทยอยสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท พร้อมเดินหน้าเจาะกลุ่มโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพ, คอนโดมิเนียม และออฟฟิศ ที่ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อสร้างผลประกอบการให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัทในอนาคต
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการ “Sansara” ในปี 2561 บริษัทมีแผนจะเปิดวิลล่าอีกจำนวน 8 หลัง มูลค่าประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อหลัง ในทำเลอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างประเทศ โดยมีสัญญาเช่าซื้อระยะยาว จากปี 2560 ที่เปิดไปจำนวน 3 หลัง และได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ล่าสุดที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2561 มีมติอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.65 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท กำหนดวันเสนอขายหุ้น PP ภายในเดือนมกราคม 2561
โดยการเสนอขายหุ้น PP ดังกล่าว เพื่อเข้าลงทุนในโครงการ The Teak Sukhumvit 39 จากบริษัท แอล เค เอช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 70 ยูนิต สำหรับเป็นที่พักอาศัยในย่านใจกลางสุขุมวิท ในราคา 145 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายเตรียมการเบื้องต้น เช่น ค่าใช้จ่ายในการขอใบอนุญาตก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายทางการตลาด เป็นต้น
สำหรับปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดการจองซื้อจำนวน 68 ยูนิต จากทั้งหมด 70 ยูนิต หรือคิดเป็น 97.14% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด มีมูลค่าโครงการประมาณ 350 ล้านบาท โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2561 และจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 ประมาณ 30-40% หรือคิดเป็นประมาณ 120-150 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป
นายสัญชัย กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่คือ บริษัท ทีค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว ซึ่ง BSM ถือหุ้น 99.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และการลงทุนในโครงการดังกล่าวจะเป็นการขยายธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางการรับรู้รายได้และกำไร สนับสนุนผลประกอบการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมาเกื้อหนุนธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าว บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมประเภทโลว์ไรส์ จำนวน 2 โครงการต่อปี โดยปี 2561 มีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ ขนาดไม่เกิน 70 ยูนิต สูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 350-400 ล้านบาท โดยจะเน้นในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ห่างจากแนวรถไฟฟ้าไม่เกิน 1 กิโลเมตร คาดว่าจะประกาศแผนช่วงไตรมาส 2/2561 ซึ่งงบลงทุนจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน จากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า และบริษัทตั้งเป้าจะรักษา D/E ไม่เกิน 2 เท่า