รายงานพิเศษ: สำรวจคอนโดกรุงเทพฯปี'61 แรงไม่ตก-เขตชั้นในราคาพุ่ง
เป็นวาระประจำปี ที่ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขายอสังหาริมทรัพย์ จะใช้โอกาสช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ให้ข้อมูลผลวิจัยตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2560 และแนวโน้มปี 2561
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการเน็กซัส มองย้อนไปในปี 2560 เป็นปีที่ผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ แข่งขันที่ดุเดือด ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ รายย่อย และรายใหม่เดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง
มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาดทั้งสิ้น 128 โครงการ ห้องชุดรวม 62,700 ยูนิต ถือว่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี สูงกว่าอัตราเฉลี่ยห้องชุดที่เปิดตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถึง 15%
ส่วนหนึ่งเพราะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีจำนวนห้องชุดรวมทั้งตลาดในขณะนี้สูงถึง 550,000 ยูนิต โดยมีห้องชุดเปิดตัวใหม่
ทำเลที่เปิดตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ พระโขนง-สวนหลวง 14,400 ยูนิต หรือราว 23% รองลงมาเป็นพญาไท-รัชดาภิเษก 13,200 ยูนิต หรือ 21% และธนบุรี-เพชรเกษม 8,900 หน่วย หรือ 14% ทั้งหมดคิดเป็นจำนวนหน่วยมากกว่า 58% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่ทั้งหมด
ส่วนทำเลที่มีอัตราการขยายตัวของคอนโดมิเนียมมากที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ ธนบุรี-เพชรเกษม โตถึง 107% ตามมาด้วยติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ 76% และแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 68%f
ด้านภาพรวมการขายตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2560 เติบโตได้ดีมียอดขายใหม่ในตลาด 57,300 หน่วย ซึ่งสูงกว่าอัตราขายเฉลี่ยห้องชุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ 14% (อัตราขายเฉลี่ยห้องชุดในปี 2555-2559 มีอัตราเฉลี่ย 50,400 ยูนิต/ปี)
อัตราการขายรวมของคอนโด มิเนียมทั้งตลาด จะยังคงที่อยู่ที่ 90% (ยอดขายรวมของคอนโดมิเนียมสะสมเพิ่มเป็น 496,100 ยูนิต) ทำให้ ณ ปัจจุบันมีห้องชุดเหลือขายอยู่ในตลาดทั้งสิ้นประมาณ 53,900 ยูนิต
คอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่ใน ปี 2560 มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 62% ในขณะที่ 3 ทำเลที่มียอดขายสูงสุด คือ พระโขนง-สวนหลวง รองลงมาเป็นพญาไท-รัชดา ภิเษก และปทุมวัน-ราชเทวี สำหรับทำเลปทุมวันราชเทวี เป็นเขตที่ห้องชุดเปิดใหม่มียอดขายสูงสุด คือ 88%
ในด้านของราคาพบว่าในปี 2560 ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง โดยปรับตัวสูงขึ้น 8% มาอยู่ที่ตร.ม. 130,600 บาท จากปี 2559 ที่มีราคาขายเฉลี่ยที่ 121,000 บาท
ทำเลที่ปรับขึ้นของราคาคอนโดมิเนียมสูงสุด คือ ในเขตปทุมวัน และราชเทวี สูงขึ้นถึง 16% หรือ 234,000 บาท/ตร.ม. เพราะเป็นทำเลยอดนิยมและราคาต้นทุนที่ดินเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมปี 2561 คาดว่าผู้ประกอบการจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10% หรือราว 55,000 ยูนิต
กรุงเทพฯ ชั้นใน และเขตรอบกรุงเทพฯ ชั้นใน เป็นทำเลที่มีคอนโดมิเนียมใหม่เกิดขึ้นมาก ในขณะที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกจะมีจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ไม่มากนัก แต่มีจำนวนยูนิตต่อโครงการค่อนข้างมาก
ความต้องการห้องชุดจะยังคงเติบโตขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับจำนวนห้องชุดเปิดขายใหม่ ส่งผลทำให้ห้องชุดในตลาดคงเหลือในปีหน้าประมาณ 58,000-60,000 หน่วย
ระดับราคาคอนโดมิเนียมในตลาดกรุงเทพฯ ชั้นใน คาดว่าจะปรับตัวขึ้นอีกอย่างน้อย 11% ในขณะที่รอบนอกราคาจะปรับตัวขึ้นอีกประมาณ 5-6% ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของตลาดปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 8%
แนวโน้มสำคัญคือการพัฒนาคอนโดมิเนียม ทุกตลาด จะเข้าไปอยู่ในซอยเล็กเป็นอาคารโลว์ไรส์ 7-8 ชั้นมากขึ้น เนื่องจากที่ดินริมถนนใหญ่หายาก และราคาขยับตัวสูงขึ้น
เน็กซัสยังมองแนวโน้มการอยู่อาศัยในอนาคต ที่ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น การเกิดตลาดที่เป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุ จะเป็นสินค้าที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนได้อย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจึงต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เช่นกัน