วิจิตรา ลุยแนวราบรับอีอีซี เชื่อกำลังซื้อจากนักลงทุนและท่องเที่ยวเพียบ เล็งเปิด5โครงการดันยอดโต25%
วิจิตรา กรุ๊ป กางแผนผุด 3-5 โครงการ มูลค่ารวม 1,200-1,500 ล้าน ในปี 2561 รองรับนโยบายอีอีซี
นายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิจิตรา กรุ๊ป เปิดเผยว่า จากนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของภาครัฐ ส่งผลให้พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีการเติบโตอย่างมากจากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้ใช้แรงงานทั้งชาวและชาวต่างประเทศ โดยบริษัทมีแลนด์แบงก์รองรับการพัฒนาได้อีกประมาณ 20 โครงการ
อย่างไรก็ดี เห็นว่าในปีนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ คาดจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งทำให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งนักลงทุนและผู้บริโภค สำหรับปี 2560 อสังหาฯ รวมน่าจะโตขึ้นราว 10-15% จากปีที่แล้ว
สำหรับปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3-5 โครงการ มูลค่ารวม 1,200-1,500 ล้านบาท โดยจะเน้นบ้านแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์เฮาส์ อาทิ โครงการมิกซ์ยูส บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวน 250-300 หน่วย พื้นที่โครงการประมาณ 35 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม.34 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท โดยจะเปิดขายราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทปลายๆ ถึง 5 ล้านบาท คาดจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2561
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโปรเจกต์ที่ 2 บริเวณโครงการมารวย ริเวอร์ไซต์ ซึ่งเป็นการพัฒนาเพิ่มบนพื้นที่ราว 70 ไร่ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ใน รูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จำนวน 400 หน่วย ขนาด 40 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้น 2.95 ล้านบาท ทั้งนี้มีแผนเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกปี 2561
ขณะที่อีกทำเลอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกพัฒนาบริเวณใดจากแลนด์แบงก์ในมือ โดยขนาดพื้นที่ที่จะพัฒนาราว 30 ไร่ขึ้นไป โดยทั้ง 3 โครงการถือว่าเป็นโครงการเฟสแรกในปีนี้และทุกโครงการมีเป้าหมายพัฒนาและปิดการขายส่งมอบบ้านได้ใน 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มโดยอีก 100 ไร่ในปีนี้ จากปี 2560 ที่ซื้อไปแล้วกว่า 200 ไร่ อย่างไรก็ตามแม้ราคาที่ดินจะมีการปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% แต่ราคาวัสดุก่อสร้างโดยรวมยังปรับขึ้นไม่มาก ดังนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะยังไม่มีการปรับราคาบ้านที่พร้อมขาย
ด้านกลยุทธ์ในปี 2561 นั้นยังคงเน้นพัฒนาสินค้าที่มีฟังก์ชั่นตอบโจทย์ความต้องการในระดับราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึงคือยูนิตละ 2 ล้านบาท พร้อมเร่งสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลงทุนด้านไอทีเพื่อลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อน แต่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้บริการได้มากขึ้น
นายสืบวงษ์ กล่าวว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 20-25% โดยในปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตราว 25% สามารถรับรู้รายได้ที่ 800-1,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2560 รายได้ประมาณ 600-800 ล้านบาท เติบโต 30% โดยสัดส่วนรายได้มาจากบ้านเดี่ยว 65% ทาวน์เฮาส์ 25% และที่เหลือเป็นบ้านแฝด