หวั่นภาษีที่ดินเร่งการพัฒนา เอกชนเสนอเก็บอัตราเดียว
ผู้ประกอบการอสังหาฯ เสนอเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นอัตราเดียว พร้อมกับขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น หวั่นภาษีใหม่เร่งการพัฒนา
อธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแต่มีประเด็นที่ทางสมาคมอยากเสนอแนะโดยเห็นว่าควรมีการจัดเก็บภาษีในอัตราเดียวและไม่ควรแยกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากการเสนอให้มีบัญชีแนบท้ายที่กำหนดจัดเก็บช่วง 2 ปีแรกหลังจากนั้นจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลในขณะนั้น
อีกทั้งมองว่าจะเป็นเพิ่มภาระเนื่องจากการคิดคำนวณภาษีคิดตามมูลค่าทรัพย์สินอยู่แล้วและมีการปรับเปลี่ยนตามรอบบัญชีการประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน หากอัตราภาษียังมีการปรับเปลี่ยนอีกจะทำให้ผู้เสียต้องรับภาระและไม่สามารถกำหนดรายจ่ายได้
นอกจากนี้ การแยกประเภทและจัดการเก็บภาษีในอัตราที่หลากหลายจะเป็นการเร่งให้เกิดการพัฒนาที่ดินเกินจนขาดความสมดุลระหว่างดีมานด์และซัพพลายในพื้นที่ ทั้งนี้เห็นควรให้อิงการพัฒนาพื้นที่ตามผังเมือง รวมทั้งควรมีการขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้นอยู่ในระดับที่ทุกสามารถจ่ายได้ เพราะประเทศต้องใช้เงินในการพัฒนาอีกมาก โดยมองว่าหากรัฐจะช่วยลดกระทบผู้มีรายได้น้อยและปานกลางควรยกเว้นบ้านที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
ขณะเดียวกันการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดเก็บ ซึ่งในทางปฏิบัติยังมีปัญหาว่าต้องมีความชัดเจน และการที่รัฐต้องการดึงการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศการออกภาษีที่ซ้ำซ้อนจะเป็นข้อจำกัด เพราะยังมีภาษีจะทยอยออกมาอีก เช่น ภาษีลาภลอย เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางสมาคมได้เตรียมจัดเสวนาเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องภาษีให้กับสมาชิกและหอการค้าทั่วประเทศให้ได้รับทราบในช่วงต้นปีหน้า
ด้าน วสันต์ เคียงศิริ อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ภาษีจัดเก็บตามมูลค่าทรัพย์สินอยู่แล้ว ซึ่งที่ดิน กทม. ก็มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้อยากให้มองว่าเจ้าของที่ดินไม่ใช่ผู้มีรายได้สูงเสมอไป ดังนั้นจะเป็นการบีบคนไปอยู่นอกเมืองเพราะไม่สามารถเสียภาษีได้ ทั้งนี้เสนอให้มี การขยายฐานภาษีและยกเว้นให้น้อยสุดและจัดเก็บในอัตราเดียวเพื่อให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในอนาคตได้ ส่วนที่ดินเปล่าเห็นว่าอัตราการจัดเก็บภาษีแบบขั้นบันไดจะเป็นตัวกระตุ้นซึ่งเกิดโอเวอร์ซัพพลายที่ดินได้ ขณะเดียวกันเสนอให้มีการทบทวนโทษจำคุก
อภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร และกรรมาธิการวิสามัญ กล่าวว่า ในฐานะที่มาจากจากภาคเอกชนได้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฉบับนี้ เพราะมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องกับหลักสากล และถ้าเทียบแล้วการเก็บภาษีของไทยก็ยังต่ำกว่าหลายประเทศทั่วโลก เช่นเดียวกับราคาประเมินของกรมธนารักษ์ก็ต่ำกว่าราคาตลาดถึง 30% ที่สำคัญในการเสนออัตราภาษีก็ส่งผลกระทบไม่มาก ตัวอย่างเช่น ที่ดินเกษตรกรรมของบุคคลธรรมดา หากมีที่ดินเกิน 50 ล้านบาท ก็เสียภาษีส่วนเกินเพิ่มล้านละ 100 บาท หรือถ้าเป็นที่ดินเกษตรกรรมนิติบุคคลจะเสีย 1 ล้านบาทแรกแค่ 100 บาท ส่วนบ้านพักอาศัยก็เสียภาษีในส่วนเกินล้านละ 200 บาท
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาได้มี การหารือกับรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนในบางอุตสาหกรรมเพื่อรับฟังความเห็นไปแล้ว ซึ่งหากพบว่ามี ข้อโต้แย้งและได้รับผลกระทบสูงทางคณะกรรมาธิการฯ จะนำมาทบทวนอีกทั้ง ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มี การหารือเกี่ยวกับขั้นตอนในทางปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ที่ยังไม่ได้พัฒนา ซึ่งหากพื้นที่มีการพัฒนาต่อเนื่องจากการจัดเก็บตามประเภทพาณิชยกรรม (อื่นๆ)