แสนสิริ ชี้อสังหาฯปี61โต-ลักชัวรี่สดใสกำลังซื้อฟื้น
Loading

แสนสิริ ชี้อสังหาฯปี61โต-ลักชัวรี่สดใสกำลังซื้อฟื้น

วันที่ : 14 ธันวาคม 2560
แสนสิริ ชี้อสังหาฯปี61โต-ลักชัวรี่สดใสกำลังซื้อฟื้น

แสนสิริระบุอสังหาฯปี 60 โต 7-8% ปี 61 แนวโน้มเศรษฐกิจโตหนุนอสังหาฯสดใส ขณะที่ตลาดลักชัวรี่โตต่อเนื่องจากดีมานด์ทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ขณะที่สินค้าคอนโดฯราคา 4 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไปเหลือขายในตลาดไม่ถึง 300 ยูนิต ล่าสุดเปิดตัวห้องชุดพร้อมตกแต่ง 3 แบบใน"98 Wireless" หวังปิดยอดขายภายในปีหน้า

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 นี้มีแนวโน้มเติบโตตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยครึ่งปีหลัง60ที่ตลาดเติบโตขึ้นมากทั้งปีอยู่ที่ 7-8% หรือโตเป็น 2 เท่าของ GDP ซึ่งปีนี้โต 4% โดยตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตมากที่สุด บ้านเดียวเติบโตเล็กน้อย

"ตลาดอสังหาฯปี 61 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโต ขึ้นกว่าปีนี้ จากสัญญาณเศรษฐกิจหลายๆประการ อาทิ ภาคการส่งออกโต การท่องเที่ยว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจโต จะทำให้ลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจไปในช่วงที่ผ่านมากล้าตัดสินใจซื้อ ซึ่งบริษัทเองมีแผนที่จะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด" นายอุทัยกล่าว

สำหรับตลาดระดับบนยังมีแนวโน้ม ที่ดี เพราะซัปพลายในตลาดมีจำกัด ปี 2560 สินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยทำให้สต๊อกที่เหลือถูกระบายออกไปจำนวนมาก โดยพบว่ามีห้องชุดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ราคาตั้งแต่ 4 แสนบาท/ตร.ม. เสนอขายในตลาดจำนวน 300 ยูนิต และสามารถขายไปได้แล้ว 50 % ส่งผลให้ปัจจุบันมีซัปพลายเหลือขายในตลาดมีประมาณ 150 ยูนิตเท่านั้น ขณะที่ดีมานด์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

ล่าสุดบริษัทได้ตกแต่งห้องชุดในโครงการ "98 Wireless" (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) 3 สไตล์ ได้แก่ 1."French Sense" พร้อมเฟอร์นิเจอร์จาก Ralph Lauren Home และ Baker ราคา 108 ล้านบาท, 2."Le Grand Hotel" ห้องดูเพล็กซ์ที่ ราคา 174 ล้านบาท และ 3."The Cozy Deco" โมเดิร์นคลาสสิก ราคา 198 ล้านบาท

"ปัจจุบันโครงการ 98 Wireless มียอดเหลือขายประมาณ 16 ยูนิต จากทั้งหมด 77 ยูนิต โดยมียอดขายไปแล้ว 80% หรือจำนวน 6,750 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถโอนได้ในปีนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นลูกค้าชาวไทย 80% และอีก 20% เป็นชาวต่างชาติ ราคาเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ 6-7 แสนบาท/ตร.ม. ขณะที่ห้องที่แพงที่สุดราคา 8 แสนบาท/ตร.ม".

ส่วนยูนิตที่เหลือขาย 16 ยูนิตนั้น บริษัทจะขายต่างประเทศมากขึ้น จะนำไปโรดโชว์ต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2561 ส่วนการพัฒนาโครงการระดับเดียวกับ 98 Wireless จะยังไม่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากที่ดินหายากและใช้เวลาในการพัฒนานาน

 
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา