คีรี ปักธงกลุ่มBTS ปั๊มกำไรโตปีละ25% จัดทัพดัน U เป็นหัวหอกธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ
"คีรี" วางเป้ากลุ่ม BTS ปั๊มกำไรโตปีละ 25% ขานรับธุรกิจในมือแข็งแกร่งยกแผง จับตาแผนชุบชีวิต U ชงที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 4 ม.ค. 61 อนุมัติรับโอนกิจการ "ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์" จากกลุ่ม BTS ผลักดัน U เป็นหัวหอกธุรกิจโรงแรม-อสังหาริมทรัพย์
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า ผลประกอบการนับตั้งแต่ปี 2560/2561 เป็นต้นไปในช่วง 5 ปีนี้ กลุ่ม BTS จะมีโอกาสทำกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจที่มีอยู่ในมือ รวมถึงรับผลบวกจากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U ครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในเร็วๆ นี้
โดยล่าสุดทางบริษัทคาดกำไรของกลุ่ม BTS จะมีโอกาสเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งมาจากการเติบโตกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ infrastructure หรือธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของ BTS ที่ขยายตัวได้ดี สร้างรายได้มั่นคงหลังมีผู้ใช้บริการขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมกับคาดว่าในอนาคตประมาณช่วงปี 2563 จะมียอดผู้โดยสารเติบโตถึงระดับ 2 ล้านเที่ยวคนต่อวัน
อีกทั้งในอนาคตทางบริษัทยังมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ที่ภาครัฐจะทยอยเปิดประมูลออกมา โดยมีศักยภาพเข้าประมูลงานในระดับแสนล้านบาท ทั้งนี้ BTS ยังคงเข้าลงทุนในนามกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ได้แก่ BTS, บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันยังให้ความสนใจในการขยายการลงทุนไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งยังคงมุ่งเน้นไปงานลักษณะโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก เพียงแต่ต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบและใช้ความระมัดระวัง เพราะธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานนับเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่
ด้านธุรกิจสื่อโฆษณาของบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นต้นมา มีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มศักยภาพในการเติบโตผ่านการลงทุนในบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO รวมถึงทางกลุ่ม BTS ยังปรับพอร์ตโยกธุรกิจ RABBIT มาอยู่ภายใต้การบริหารงานของ VGI จึงส่งผลให้ในปัจจุบัน VGI ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริษัทสื่อโฆษณาเท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบขยายธุรกิจและเพิ่มช่องทางทำรายได้ใหม่เข้ามาอีกมาก
ส่วนกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ได้ดำเนินการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันได้ร่วมมือกับทางพันธมิตร เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม The Line และประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งตามแผน 5 ปีจะมีโครงการมูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท
ขณะที่บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) จะเห็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญนับจากนี้ไป หลังจากอยู่ในระหว่างจัดทัพธุรกิจรอบใหม่ ด้วยการเตรียมโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ UE (บริษัทลูก BTS ในปัจจุบัน) ให้กับ U ซึ่งจะขอให้ทางผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในช่วงต้นเดือน ม.ค. 2561
ดังนั้น จะทำให้ U ในอนาคตมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถเติบโตจากพอร์ตธุรกิจของ UE ที่ได้รับโอนเข้ามา (หากผู้ถือหุ้นอนุมัติ) ควบคู่การลงทุนในธุรกิจโรงแรมมีอยู่แล้วในมือ ซึ่งสามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอจะทำให้ U ในอนาคตมีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง
*จัดทัพชุบชีวิต U ใหม่อีกครั้ง
นายคีรี กล่าวอีกว่า การเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ U ในช่วงวันที่ 4 ม.ค. 2561 จะมีการเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาวาระสำคัญ คือ ขออนุมัติรับโอนกิจการทั้งหมดของ UE โดย U จะทำการออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนและวอร์แรนต์ให้แก่ UE ซึ่งในขณะนี้ยังคงตอบล่วงหน้าไม่ได้ว่า ทางผู้ถือหุ้นจะโหวตอนุมัติหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า การที่ตนได้เข้ามาร่วมบริหารงานที่ U อย่างเป็นทางการ (ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการ) ได้มีความตั้งใจจะผลักดันให้ U มีธุรกิจที่ดีในมือมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความโปร่งใส และมีพื้นฐานแข็งแกร่งพร้อมแข่งขันในตลาด
"ผมตอบตอนนี้ไม่ได้ว่าผลโหวตจะออกมาเป็นแบบไหน แต่การที่ผมมานั่งทำงานที่นี่กว่า 4 เดือนแล้ว ผมมีความตั้งใจชัดเจนว่าจะทำให้ U ดีขึ้นกว่าเดิม มีความโปร่งใส และเติบได้แข็งแกร่ง ซึ่งหากผู้ถือหุ้นอนุมัติ เราเชื่อว่าการจัดทัพใหม่ของ U จะแล้วเสร็จกันภายในต้นปีหน้า และจากนี้ไป U จะไม่ใช่บริษัทขนาดเล็กแน่นอน" นายคีรี กล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า ในการประชุมวิสามัญวันที่ 4 ม.ค. 2561 ของ U จะมีวาระสำคัญ เช่น ขอพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจํานวน 840,695,604,357 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนใหม่จํานวน 1,682,739,052,821 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 280,231,868,119 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจํานวน 560,463,736,238 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
อีกทั้งดำเนินการออกและจัดสรร U-W3 จํานวนไม่เกิน 45,133,272,059 หน่วย ให้แก่บุคคลในวงจํากัดที่ได้จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน นอกจากนี้ จะออกและจัดสรร U-W4 จํานวนไม่เกิน 235,098,596,060 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน
สำหรับ UE ที่ U จะรับโอนกิจการเข้ามา ในปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนรวมกว่า 30 บริษัท ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ยูนิซัน วัน จํากัด ทำธุรกิจอาคารสํานักงานให้เช่า, บริษัท ปราณคีรี แอสเซ็ทส์ จํากัด ถือครองที่ดินและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริษัท แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส จํากัด ทำธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรม, บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง ถือครองที่ดินและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เป็นต้น
นายคีรี เปิดเผยว่า ทิศทางของ U ต่อไปจะกลายเป็นบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัวและมุ่งเน้นการลงทุนที่มีศักยภาพและผลตอบแทนดี เช่น การเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมของเวียนนา เฮ้าส์ ซึ่งในปัจจุบันสามารถสร้างอีบิทด้าได้เกินปีละ 20 ล้านยูโร
โดยในอนาคตยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ถือเป็นโอกาสดีขยายการลงทุน เช่น ล่าสุดได้ให้ความสนใจเข้าลงทุนในเชนของรีสอร์ทและสปาในต่างประเทศ มีกลุ่มเป้าหมายลูกค้ายุโรป รวมถึงยังสนใจลงทุนโรงแรมในยุโรป ขนาดไม่เกิน 200 ห้องต่อแห่ง เพียงแต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้ข้อสรุปภายในเวลาใด แต่หากปิดดีลได้จะช่วยเพิ่มลงทุนธุรกิจของ U ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น