RICHYปั๊มรายได้ปีหน้าโต80% เปิด4โครงการมูลค่า9พันล้าน
Loading

RICHYปั๊มรายได้ปีหน้าโต80% เปิด4โครงการมูลค่า9พันล้าน

วันที่ : 6 ธันวาคม 2560
RICHYปั๊มรายได้ปีหน้าโต80% เปิด4โครงการมูลค่า9พันล้าน

ริชี่ เพลซ 2002แย้มปี 61 ปั๊มรายได้ 2,000 ล้านบาท  เติบโต 80% จากปี 60 ที่คาดมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท เล็งเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท ดันยอดขายปี 61 พุ่ง 2,000 ล้านบาท

นางศรัณย์ธร ศรีสุนทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2560 เติบโตมากกว่า 1,000 ล้านบาท จากปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 568 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/2560 มียอดโอนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับจะมีการรับรู้รายได้ยอดขายรอโอน (Backlog) บางส่วน ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 771.70ล้านบาท

สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโต 80% จากปี 2560 เนื่องจาก Backlog อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2560 และจะรับรับรู้รายได้ในปี 2561 ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 2563

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายจะมียอดขาย (Pre-sale) ในปี 2561 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ที่คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2561 บริษัทวางแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 2561 เพิ่มอีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้ก่อสร้างโครงการ จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 2.30-2.40 เท่า รวมทั้งอีกบางส่วนอาจมาจากนักลงทุนใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์)  RICHY-W1 และ RICHY-W2

นอกจากนี้ ในปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณ 1 ราย ภายในปี 2561 จากที่มีการเจรจากับพันธมิตรอยู่จำนวน 2-3 ราย ส่วนโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรในจีนเพื่อพัฒนาโครงการสุสานวัดหว่องไทซิน ขณะนี้ได้ชะลอโครงการไปก่อน เนื่องจากการเจรจายังไม่สามารถหาข้อสรุปได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว และกำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้บริษัทวางแผนจะมีการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะที่บริษัทมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำที่ 10-15% เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าซื้อเก็งกำไร

 
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น