ดันรายได้ในเครือโต25%ยาว3ปี บีทีเอส จัดทัพธุรกิจใหม่
คาดปีหน้ารับกำไรพิเศษโอนธุรกิจอสังหา2พันล้าน
"บีทีเอส" ทยอย รับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุน คาดรายได้เติบโตปีละ25%ต่อเนื่องใน3ปีข้างหน้า ประเมินการโอนธุรกิจอสังหาฯให้"ยูซิตี้" เพื่อจัดกลุ่มธุรกิจ พร้อมรับรู้กำไรพิเศษ 2,000 ล้านบาท
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS เริ่มทยอยรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัทในเครือหลังจากที่ผ่านมาอยู่ในช่วงของการลงทุน ซึ่งจากนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า รายได้จะเติบโตต่อเนื่อง
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าการเติบโตของรายได้ของกลุ่มใน 3 ปีข้างหน้า (2561 - 2563) จะเติบโตระดับ 25-30 %ต่อปี โดยการเติบโตนั้นจะมาจากทุกส่วนที่บริษัทได้ลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือVGI ที่จะฟื้นตัวได้โดดเด่น
"บริษัทประเมินว่ารายได้ใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตได้ดี โดยการเติบโตจะมาในทุกกลุ่ม ทั้งธุรกิจการเดินรถที่เติบโตต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึง รายได้จากสื่อโฆษณานอกบ้านที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น"
ทั้งนี้ในด้านการเดินรถ บริษัทประเมินว่ารายได้ค่าโดยสารจะเติบโต 4-6% จำนวนผู้โดยสารในช่วงที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง เทศกาลลอยกระทง จำนวนผู้โดยสารขึ้นไปแตะระดับ 9.6 แสนคน ซึ่งถือว่า เป็นสิทธิสูงสุดของบริษัทจากช่วงปกติที่ 7 แสนคนต่อวัน แต่ในด้านปริมาณผู้โดยสารรวมปีนี้ อาจจะ ไม่เติบโตตามที่คาดไว้ เนื่องจาก ผลกระทบวันหยุดที่มีมาก รวมถึงผลกระทบช่วงไว้อาลัย สำหรับราคา ค่าโดยสารปีนี้ บริษัทได้ปรับราคาขึ้น
บริษัทคาดว่าการดำเนินงานโอนสินทรัพย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน)หรือU การทำธุรกิจคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 14 มี.ค.2561 การทำรายการดังกล่าวทำให้บริษัทมีกำไรพิเศษ 2,000 ล้านบาท และยูซิตี้จะเป็นเรือธงในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบีทีเอส
"การทำโอนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับยูซิตี้เป็นการจัดโครงสร้างของบริษัทให้ชัดเจนมากขึ้น เราจะให้ ยูซิตี้เป็นเรือธงในด้านอสังหาริมทรัพย์ ประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับนั้น คือจะมีการรับรู้กำไรพิเศษ 2,000 ล้านบาท ในปีหน้า และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัทยูซิตี้"
ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทเข้ามา ถือหุ้นในยูซิตี้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สัดส่วน 35.6% มีการปรับโครงสร้างไปค่อนข้างมาก ทั้งการเข้าซื้ออาคารสำนักงานในอังกฤษ รวมถึงเข้าซื้อกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยการจัดโครงสร้างหลังจากนี้
บริษัทจะมีการพิจารณาขายสินทรัพย์บางส่วนออก โดยจะดำเนินการขายทรัพย์สินโรงแรมในจังหวัดขอนแก่นและ เชียงใหม่ รวมถึง ขายที่ดินเปล่าในบางพื้นที่ออกไป ส่วนสินทรัพย์ที่เติมเข้าไปใหม่จะสร้างการเติบโตให้ยูซิตี้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่ร่วมมือกับ แสนสิริ ที่จะมีการรับรู้รายได้และกำไรอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวราคาหุ้นบีทีเอส วานนี้ (20 พ.ย.) ราคาหุ้นปิดตลาดที่ 8.35 บาทเพิ่มขึ้น 1.21% มูลค่าการซื้อขายรวม 279.38 ล้านบาท
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สระบุว่าสัดส่วนกำไรที่ได้รับจาก JV กับ แสนสิริ ที่ลดน้อยลง แต่ยังไม่ได้ใส่เรื่องเงินปันผลรับจากหุ้นบุริมสิทธิไว้ในประมาณการ หากเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนอัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้า เป็น 69% และ 0% แต่ในแง่กำไรสุทธิเป็น 21% และ 68% โดยเฉพาะปี 2561-2562 ที่บันทึกกำไรพิเศษ 2 พันล้านบาทเข้ามา