ออริจิ้น ปั้นมิกซ์ยูสกลางเมือง ลุยพร้อมพงษ์-ทองหล่อ
Loading

ออริจิ้น ปั้นมิกซ์ยูสกลางเมือง ลุยพร้อมพงษ์-ทองหล่อ

วันที่ : 14 พฤศจิกายน 2560
ออริจิ้น ปั้นมิกซ์ยูสกลางเมือง ลุยพร้อมพงษ์-ทองหล่อ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งลงทุนโครงการรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจโรงแรมที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง โดยหวังสร้างแหล่งรายได้หลากหลายและรายได้ ประจำ เพื่อโอกาสการเติบโตต่อเนื่อง

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, ไนท์บริดจ์ และพาร์ค เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทมีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ธุรกิจ ที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง  เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ค้าปลีก และธุรกิจบริการ เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯแบบครบวงจร

ในปี 2561 มีแผนพัฒนาโครงการ "มิกซ์ยูส"ย่านพร้อมพงษ์ สุขุมวิท 24 ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีโปรเจค "พาร์ค 24" ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ลักชัวรี มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยมียอดขายแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มต่างชาติ  4,000 ล้านบาท สัดส่วน 40% และคนไทย  60% ล่าสุดเฟส 1 มีมูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 4,500 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้ จากสัดส่วนดังกล่าว 3,000 ล้านบาท เฟสแรกก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และทยอยโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ส่วนเฟส 2 คาดเริ่มโอนได้ในไตรมาส 4 ปี 2561

ผุดมิกซ์ยูส 4 พันล้าน

ปีหน้าเตรียมลงทุนโครงการ "ออริจิ้น 24" มูลค่า 4,000 ล้านบาท  มิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ กลางเมือง ฝั่งตรงข้ามพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24 บนที่ดินขนาด 4 ไร่ โดยเช่าจากตระกูลอรรถกระวีสุนทร เจ้าของโครงการ"เค วิลเลจ"

โดยโครงการประกอบด้วย 2 อาคาร แบ่งเป็นโรงแรม จำนวน 80 ห้อง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 305 ห้อง โดยทั้ง2 ส่วน ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างเจรจาเชนโรงแรม 5 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เข้ามาบริหาร

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาดกว่า 3,500 ตร.ม. และพื้นที่สำนักงานให้เช่าขนาดกว่า 4,000 ตร.ม. สำหรับพื้นที่เช่า สัญญา 3 ปีบวก30 ปี  คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 4 ปี2561 และก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี2564

เซอร์วิสต์อพาร์ตเมนต์-ออฟฟิศโต

พีระพงศ์ กล่าวการพัฒนาโปรเจคมิกซ์ยูสย่านพร้อมพงษ์ จะสนับสนุนทำเลที่อยู่อาศัยในทำเลนี้เป็นอสังหาฯครบวงจร ตอบโจทย์ ความต้องการการทำงานและการใช้ชีวิตใจกลางเมือง และเสริมศักยภาพทำเลสุขุมวิท 24  และโครงการของออริจิ้นในทำเลนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งโปรเจคพาร์ค 24

ปัจจุบันทำเลสุขุมวิทตอนกลาง ยังคงเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากสถานการณ์ออฟฟิศเช่าในพื้นที่ใกล้ บีทีเอส พร้อมพงษ์ ขณะนี้มีอัตราเช่าอยู่ที่ 90% ขณะที่พื้นที่นี้ยังมีนักลงทุน ชาวญี่ปุ่นหน้าใหม่สนใจเข้ามาตั้งออฟฟิศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่ใกล้ชุมชนคนญี่ปุ่นด้วยกัน ทำให้มีความต้องการทั้งพื้นที่เช่า

สำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มากขึ้น

ขณะที่อัตราการเข้าพัก โดยเฉลี่ยของโรงแรมในย่านนี้จะอยู่ที่ 80% ซึ่งเป็นอัตราค่อนข้างสูง และยังมีความต้องการโรงแรมใหม่ๆ ขึ้นมารองรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาติดต่องานกับสำนักงานต่างๆ ใจกลางสุขุมวิท

ลุยทองหล่อเฟสแรก 1.1 หมื่นล้าน

พีระพงศ์ กล่าวต่อว่าทิศทางการพัฒนาแบรนด์"พาร์ค" หลังจากนี้จะเน้นทำเลใจกลางเมือง เจาะตลาดกลุ่มลักชัวรี ทั้งชาวไทยและต่างชาติ  ช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 จะเริ่มพัฒนาโปรเจคมิกซ์ยูส เฟสแรก บนพื้นที่ดิน อารีน่า 10 (ทองหล่อซอย 10) รวมพื้นที่ 12 ไร่ ซึ่งซื้อที่ดินมาจาก นายตัน ภาสกรนที

เฟสแรกพัฒนา 6 ไร่  รูปแบบคอนโด ลักชัวรี  มูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท ภายใต้แบรนด์ "พาร์ค"ถือเป็นการนำแบรนด์ พาร์ค มาพัฒนาโครงการเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่บริษัทได้ผนึกร่วมกับ บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด วางเป้าหมาย ตลาดไฮเอนด์ ปัจจุบันคอนโดในทำเลทองหล่อ มักทำยูนิตขนาดใหญ่ ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปต่อยูนิต  แต่แนวทางการพัฒนาโครงการของพาร์ค จะเริ่มต้นที่ยูนิตละ 30 ตร.ม. ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิต เพื่อเป็นทางเลือกให้กลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าว

ในทำเลทองหล่อ วางแผนพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส โมเดลเดียวกับ พาร์ค 24 ย่านพร้อมพงษ์ ที่จะมีทั้งที่พักอาศัย คอนโดลักชัวรี เซอร์วิสอพาร์ทเมท์ พื้นที่ค้าปลีกและโรงแรม คาดว่าเฟสสอง จะเริ่มก่อสร้างในปี 3-4 ปี ข้างหน้า  สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2560 ออริจิ้น มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,959  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.6%  จากไตรมาส 2 ปี 2560 และเพิ่มขึ้น  121%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 อยู่ที่ 4,014  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ